ซนหลงใหลการปีนผา จนเขาฝันอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติและสามารถทำมันจนสำเร็จ แต่ต่อมา จากที่เขาคิดเล่นๆ ว่าอยากไปเป็นพนักงานในยิมปีนผา และอยากทำธุรกิจยิมปีนผาของตัวเองขึ้นมาให้ได้ ซนจึงมุ่งหน้า ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะเปิดยิม bouldering ของตัวเองให้จงได้ สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจริง
“จากที่เล่นกีฬานี้จนติด เอาแต่คิดว่าเมื่อไหร่ตัวจะหายเมื่อย เราอยากไปปีนอีกแล้ว เพราะไปทุกครั้งมีความสุข ใช้เวลากับมันได้นาน อาทิตย์หนึ่งไป 2-3 วัน วันละ 4-6 ชั่วโมง ผมรู้สึกชีวิตมีความสุขมาก เราเคยคิดขนาดว่าเฮ้ย โห ถ้าเราไม่มีความคาดหวังจากที่บ้าน เรามาเป็นยิมสต๊าฟเลยดีไหม หรือเราปีนเป็นอาชีพเลยได้ไหม ซึ่งปีนเป็นอาชีพมันก็อาจจะยากหน่อย แต่สุดท้ายมันก็นำพามาถึงจุดนี้นะ จุดที่ได้ทำเป็นอาชีพ จนเป็นธุรกิจในวันนี้” ซนเล่า

ตอนมองหาทำเลสาขาแรก ซนตั้งใจอยากได้โลเคชันใกล้รถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดิน ช่วงนั้นเป็นช่วงโควิด จึงตระเวนดูหลายที่ เขาเลือกทำเลที่พอสู้ค่าเช่าไหว เพราะธุรกิจยิมปีนผาต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ ค่าเช่าจึงมักจะสูงลิบ แต่ก็ตั้งใจศึกษาข้อมูล และมองหาที่ที่เดินเข้าถึงได้ง่ายๆ แล้วค่อยๆ ติดต่อเจ้าของพื้นที่ไปเรื่อยๆ
โชคดีที่ตอนนั้นซนมาพบตึก The Shoppes at Belle ย่านพระราม 9 เขาเห็นว่าบนชั้น 2 ของตึกไม่มีร้าน ปิดไฟ ปิดลิฟต์ ปิดบันไดเลื่อนหมด ทำให้ซนมีโอกาสเข้าไปคุยกับเจ้าของตึก เสนอว่าจะมาเปิดธุรกิจเป็นเจ้าแรก แต่ขอค่าเช่าในราคาที่เหมาะสม เมื่อตกลงกันได้ ซนลองเปิดยิมดูสักตั้ง และกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของสาขาแรก
ตอนเปิดสาขาแรก ความท้าทายที่ Balance Climbing ต้องเจอก็คือ ยิมยังไม่มีฐานลูกค้าหรือฐานแฟนของตัวเอง ซึ่งกีฬาปีนผาส่วนใหญ่คนจะมาพร้อมเพื่อนๆ ทำให้คนที่อยากมาใช้บริการอาจยังลังเล เพราะทำเลอาจไกลหรือบรรยากาศที่เปิดแรกๆ ยังโล่ง จนคนยังลังเลที่จะก้าวเท้าเข้ายิม แต่ซนก็ใช้บริการที่เฟรนด์ลี่พิสูจน์กับลูกค้า
“จากช่วงแรกๆ ที่มีลูกค้าประมาณ 20 คนถึง 30 คน ซึ่งถือว่าน้อยมากสำหรับธุรกิจนี้ มันก็เลยจะเศร้าๆ หน่อย เราแก้ไขด้วยการให้พนักงานปีนเล่นกับลูกค้าและช่วยแนะนำเขา สร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง พอเวลาผ่านไป ลูกค้าก็เริ่มชอบความสะดวกและเฟรนด์ลี่ ทำให้ค่อย ๆ มีคนแวะมาเพิ่มขึ้น”
นอกจากความเฟรนด์ลี่ ซนยังหยิบเอา pain point สมัยเป็นผู้ใช่บริการยิมปีนผาหลายๆ ที่มาเติมเต็มที่ยิมของเขาเอง ทั้งตัวเลือกของยิมที่มีอยู่น้อย รูทการปีนที่ไม่หลากหลาย อากาศที่ร้อน ทำให้ Balance Climbing กลายเป็นยิมแห่งเดียวในย่านพระรามเก้า เป็นตัวเลือกใหม่ของย่าน ซึ่งมีการเปลี่ยนรูทบ่อย และมีเครื่องปรับอากาศในยิม รวมไปถึงโต๊ะให้แขกมานั่งสังสรรค์เฮฮาด้วยกัน
“มันเป็น Pain Point ของผมตั้งแต่ตอนเริ่มปีน เพราะไม่มีคนมาสอนเราเลย ผมเลยรู้สึกว่า เฮ้ย บางทีคนเขาอาจจะชอบการปีนก็ได้นะ ถ้ามีคนมาสอนเขาสักหน่อย คือถ้าเราไปแล้วทำอะไรต่อไม่ได้เลย ปีนนิดหนึ่งก็หล่น ก็คงท้อ ทั้งที่จริงๆ เราทำได้ แต่แค่ทำไม่ถูกวิธี ผมเลยรู้สึกว่าถ้าเราเพิ่มประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่ครั้งแรกๆ ให้ลูกค้าได้ เขาก็จะมีโอกาสชอบกีฬานี้เหมือนกับเรา ผมเลยมีคอร์สสอนสำหรับคนมาใหม่ให้ฟรีประมาณ 15 นาที ตั้งแต่เรื่องความปลอดภัย กฎการเล่นพื้นฐาน หรือว่าถ้าสนใจก็จะมีคอร์สที่ยาวกว่านั้นให้ เป็นแพ็คเกจ 2 อาทิตย์ ซึ่งมีคลาสเรียนให้ด้วย 45 นาที เป็นคลาสเรียนเทคนิคจริงจังขึ้นมา ปูพื้นฐานให้เลย เขาก็จะปลอดภัยกับตัวเอง แล้วก็สนุกง่ายขึ้นด้วย ทำให้เขาไปต่อได้ ปีนเก่งขึ้น แล้วเขาไปสอนคนอื่นได้ด้วยเขาก็จะไปชวนคนอื่นมาเป็นคอมมูนิตี้ ที่สำคัญแล้วเราก็ได้ทำความรู้จักกับเขาด้วย”

“ลูกค้าที่เข้ามา เราพยายามดูแลเขาอย่างเต็มที่นะ แต่ไม่คิดว่า โอ้โห เขาประทับใจเราขนาดนี้ เขาก็ขอบคุณทีมงาน เขียนภาพยิมมาให้ตอนครบรอบ 1 ปี แล้วก็เขียนขอบคุณ เซ็นรวมกันมาหลายๆ คนในแก๊งที่ปีนด้วยกัน เขาเอาเค้กมาให้ เอาสิ่งของมาให้ ก็รู้สึกว่ามันตอบสิ่งที่เราและทีมงานพยายามทำให้ลูกค้ามีความสุข”
“เราอยากจะทำให้การปีนผามันแมสมากขึ้น ทำให้มันสะดวกสบายเพราะผมเชื่อว่าด้วยตัวกีฬาพอคนมันติดแล้วไม่ไปไหน แล้วถ้ามันมีจำนวนคนที่มาเล่นเยอะพอ เมื่อมีรายได้ เราจะสามารถให้อะไรกับลูกค้าได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คอมมูนิตี้มันก็จะโต แล้วเราก็จะมีความสุขด้วย” ซนเล่าด้วยรอยยิ้ม
จากผู้ใช้บริการหลัก 10 กลายเป็นหลัก 100 จำนวนคนที่ปรากฏเหล่านั้นมากพอที่จะพิสูจน์ว่าการเปิดสาขา 2 มันเป็นไปได้