อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 8 คน เมื่อ 12 ก.ย. ในคดีการนำตัวผู้ชุมนุมขึ้นรถบรรทุกไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จนมีผู้เสียชีวิต 78 คน เร่งตำรวจนำตัวส่งศาลก่อนหมดอายุความ 25 ต.ค.นี้
18 กันยายน อัยการสูงสุดแถลงถึงการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 8 คน เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ในสำนวนคดีวิสามัญฆาตกรรม และสำนวนไต่สวนชันสูตรพลิกศพของศาลจังหวัดสงขลาจาก พลตำรวจโทอิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา กรณีนำตัวผู้ชุมนุมขึ้นรถบรรทุกอย่างแออัด ไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จนมีผู้เสียชีวิต 78 คน เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547
ผู้ต้องหาทั้ง 8 ได้แก่
อัยการสูงสุดพิจารณาสำนวนและมีคำสั่งฟ้อง 8 ผู้ต้องหาโดยวินิจฉัยว่าจากพยานหลักฐานที่ได้ไต่สวน แม้ผู้ต้องหาทั้ง 8 ซึ่งมีทั้งพลขับและผู้ควบคุมการขนย้ายผู้ชุมนุม จะไม่ประสงค์ผลที่จะให้ถึงแก่ความตายก็ตามแต่การจัดหารถเพียงจำนวน 25 คันในการบรรทุกผู้ชุมนุมประมาณพันกว่าคนเป็นการบรรทุกที่แออัดเกินกว่าจะเป็นวิธีการ
บรรทุกคนที่เหมาะสม ซึ่งผู้ต้องหาที่ 1 และ 7 รู้อยู่แล้วว่าจำนวนรถกับจำนวนคนไม่เหมาะสม การที่ผู้ต้องหาที่ 2 - 6 และที่ 8 ซึ่งเป็นคนขับรถก็เห็นถึงสภาพการบรรทุกผู้ชุมนุมดังกล่าวอันเป็นเหตุให้ผู้ตายทั้ง 78 คนขาดอากาศหายใจในระหว่างอยู่ในการควบคุมของพนักงานการกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 8 ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้ผู้ตายขาดอากาศหายใจได้ ดังนั้นการกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 8 จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น
ประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ย้ำว่า ได้ส่งเรื่องไปที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพร้อมระบุวันที่ขาดอายุความและวันที่ให้เอาตัวมาส่งฟ้องไม่เกินเมื่อไหร่ หากไม่ได้ตัวจะขอให้ศาลออกหมายจับ
ทั้งนี้ คดีตากใบจะหมดอายุความลงในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ แม้จะมีการส่งฟ้องแต่ไม่ได้หมายความว่าเวลาของคดีจะหยุดเดิน หากไม่สามารถส่งตัวผู้ต้องหาต่อศาลได้ อายุของคดีดังกล่าวก็จะนับต่อจนหมดอายุความ ถ้าสามารถนำตัวผู้ต้องหามาส่งศาลได้ จากสถานะผู้ต้องหาก็จะเปลี่ยนเป็นจำเลย และเข้าสู่กระบวนการของศาล ส่วนคนที่ไม่ได้ถูกนำตัวส่งศาลก็จะพ้นคดีไป
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 12 กันยายน ศาลจังหวัดนราธิวาสได้นัดจำเลย 7 คน ในคดีที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ตากใบ 48 คน ฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐในข้อหา ฆ่าผู้อื่น พยายามฆ่าผู้อื่น และร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว แต่จำเลยไม่มารายงานตัว ศาลจึงออกหมายจับจำเลยได้แก่
สำหรับ พลเอกพิศาล วัฒนวงษ์คีรี ที่ขณะนี้เป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จากการมีฐานะเป็น สส. และอยู่ระหว่างการประชุมสภาฯ ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 ศาลได้มีหนังสือด่วนที่สุดไปยังประธานสภาฯ เพื่อขออนุญาตจับกุม รวมทั้งมีหมายเรียกและมีหนังสือด่วนที่สุดให้ พลเอกพิศาลแจ้งว่า ศาลได้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 ขอให้ พลเอกพิศาลแถลงต่อสภาฯเพื่อสละความคุ้มกันและมาศาลในนัดหน้าวันที่ 15 ตุลาคมนี้