Humberger Menu

'หมอผี' กับการเลือกตั้งเกาหลี

ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในวันที่ 3 มิถุนายน 2025 ต้องจัดขึ้นก่อนกำหนดเพราะอดีตประธานาธิบดี ยุน ซ็อก-ยอล ซึ่งเดิมทีจะพ้นวาระในปี 2027 ถูกรัฐสภาเกาหลีใต้ลงมติถอดถอนพ้นตำแหน่งไปตั้งแต่ 14 ธันวาคม 2024 หลังจากที่เขาประกาศใช้กฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2024 โดยอ้างว่าเพื่อรับมือกับภัยคุกคามรัฐบาล แต่ประชาชนจำนวนมาก รวมถึงนักการเมืองฝ่ายค้าน ลุกฮือขึ้นต่อต้าน และประณามว่ายุนพยายามใช้อำนาจทางทหารปิดกั้นผู้เห็นต่างแบบเดียวกับที่อดีตรัฐบาลเผด็จการเคยทำกับประชาชน

ยุน ซ็อก-ยอล

นอกจากนี้ ศาลเกาหลีใต้ยังมีคำพิพากษาเห็นชอบมติถอดถอนยุนออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2025 ขณะที่สำนักงานอัยการก็รับคำร้องเรียนของ สส. บางส่วนที่ระบุว่าอดีตประธานาธิบดียุนเกี่ยวพันกับการทุจริตและใช้อำนาจในทางมิชอบ โดยปล่อยให้ ‘มูดัง’ หรือผู้เชื่อมต่อกับโลกจิตวิญญาณซึ่งเป็นความเชื่อในแบบมูซ็อกหรือศาสนาพื้นบ้านของเกาหลีใต้ เข้ามาแทรกแซงการตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการภายในรัฐบาล

หนึ่งในผู้ที่ถูกอัยการสอบสวนเพิ่มเติม คือ ชอน ซ็อง-แพ ผู้ประกาศตัวเป็นมูดังชาวพุทธนิกายโชเก วัย 65 ปี ซึ่งเป็นอดีตที่ปรึกษาของยุนช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2022 ทั้งยังมีเบาะแสบ่งชี้ว่ายุนและ คิม ก็อน-ฮี ภรรยาของเขา ติดต่อหรือพบปะกับมูดังรายนี้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ยุนดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี รวมถึงมีข้อสงสัยว่า คิม ก็อน-ฮี อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 อาจรับสินบนเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมจาก ชอน ซอง-แพ อีกด้วย

ผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่งของอดีตประธานาธิบดียุนมองว่า ข้อกล่าวหาเรื่องการพึ่งพามูดังในการบริหารประเทศเป็นการใส่ร้ายป้ายสีเพื่อบั่นทอนความน่าเชื่อถือทางการเมือง แต่ยุนก็ไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงของเกาหลีใต้คนแรกที่มีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับมูดัง เพราะอดีตประธานาธิบดี พัก กึน-ฮเย ซึ่งถูกประชาชนลุกฮือประท้วงและถูกถอดถอนจากตำแหน่งในปี 2017 ก็ถูกตัดสินความผิดในคดีที่มูดังคนสนิทแอบอ้างชื่อประธานาธิบดีเรียกรับเงินสินบนและใช้อำนาจในทางมิชอบอีกหลายกระทง

ภาพจำลองการทำพิธีของมูดัง พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกาหลีใต้

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองเกาหลีใต้เคยประเมินว่าการปรึกษามูดังหรือใช้บริการทำนายดวงชะตา หรือแม้แต่ใช้บริการคนทรง ไม่ใช่เรื่องผิดปกติในสังคมเกาหลีใต้ เพราะความเชื่อแบบมูซ็อกคงอยู่ในเกาหลีใต้มานานกว่า 4,000 ปีแล้ว จึงหยั่งรากลึกจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตประจำวันของชาวเกาหลีใต้มาจนถึงปัจจุบัน เพียงแต่การพึ่งพิงมูดังของผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญระดับประเทศอาจเป็นเรื่องไม่เหมาะสมเพราะอาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือทางด้านตรรกะเหตุผล ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ถูกดึงย้อนหลังให้กลับไปอยู่ในยุคก่อนอารยธรรม

อีกประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไม่แพ้กันคือ ‘มูดัง’ หรือบรรดาที่ปรึกษาด้านจิตวิญญาณทั้งหลาย อาจใช้โอกาสในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญของรัฐบาลในการทุจริต-แสวงหาประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนและทำลายโครงสร้างของระบบต่างๆ ที่จำเป็นต่อการบริหารประเทศมากกว่า

ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ‘พัง’ เพราะที่พึ่งทางจิตวิญญาณ

พัก ช็อง-ฮี

มูดังในความเชื่อแบบมูซ็อกเป็นส่วนผสมระหว่างหมอผี คนทรง รวมถึงหมอดู เพราะผู้เป็นมูดังทำได้ทั้งพิธีขับไล่วิญญาณร้าย ปัดเป่าภัยที่คอยรังควาน รวมถึงติดต่อกับผู้ล่วงลับ ทำนายดวงชะตา และทำพิธีเสริมดวง

การที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงอย่างประธานาธิบดีเกาหลีใต้ใช้บริการของมูดังไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะอดีตผู้นำเผด็จการ พัก ช็อง-ฮี ซึ่งเป็นบิดาของอดีตประธานาธิบดี พัก กึน-ฮเย ก็สนิทสนมกับ ชเว แท-มิน ผู้ประกาศตัวเป็นศิษยาภิบาลของศาสนาคริสต์นิกาย Church of Eternal Life ซึ่งเขาเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมาเอง ทั้งยังมีพฤติกรรมคล้ายกับมูดังที่ทำหน้าที่ทั้งคนทรงและหมอดูให้กับทั้ง พัก ช็อง-ฮี และ พัก กึน-ฮเย 

พัก ช็อง-ฮี

นักวิเคราะห์การเมืองหลายรายมองว่า ชเว แท-มิน ได้รับความไว้วางใจจากผู้นำเผด็จการ พัก ช็อง-ฮี เพราะเขาคือผู้ช่วยรวบรวมคะแนนเสียงจากชาวคริสต์นิกายต่างๆ เพื่อต่อต้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวคริสต์ที่สนับสนุนแนวคิดฝ่ายซ้ายในยุคที่ พัก ช็อง-ฮี ครองอำนาจ แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อมูลบ่งชี้ว่า พัก ช็อง-ฮี เชื่อเรื่องโชคลางและประกาศเรื่องสำคัญๆ ที่เกี่ยวกับการปกครองประเทศโดยใช้วันและเวลาตามที่ ชเว แท-มิน เป็นผู้แนะนำ

พัก กึน-ฮเย

เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ชเว แท-มิน กับ พัก กึน-ฮเย จะพบว่า เขาได้รับความไว้วางใจจากพักคนลูกจากการอ้างว่าตัวเองสามารถติดต่อกับวิญญาณของ ยุก ยอง-ซู แม่ของ พัก กึน-ฮเย ซึ่งถูกลอบสังหารเสียชีวิตในปี 1974 ได้

หลังจาก ชเว แท-มิน เสียชีวิตช่วงปลายทศวรรษ 1990 พัก กึน-ฮเย ยังคงมีความสัมพันธ์อันดีและใกล้ชิดสนิทสนมกับ ชเว ซุน-ชิล ลูกสาวของ ชเว แท-มิน ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของ พัก กึน-ฮเย ในหลายเรื่อง

ครอบครัวของ พัก กึน-ฮเย ซึ่งบิดาคือ พัก ช็อง-ฮี

กระทั่งพักถูกเปิดโปงว่าพึ่งพาคำแนะนำจากชเว ไม่เว้นแม้แต่การตัดสินใจด้านนโยบายบริหารประเทศ โดยหลักฐานสำคัญที่มัดตัวคือข้อมูลในแท็บเล็ตที่ชเวเคยใช้งาน พบว่าเธออยู่ในกลุ่มสนทนาว่าด้วยเรื่องการนโยบายรัฐบาลต่างๆ ทั้งยังเป็นผู้แก้ไขร่างสุนทรพจน์ของ พัก กึน-ฮเย ขณะเดินทางเยือนประเทศเยอรมนีอย่างเป็นทางการ 

ชเว ซุน-ชิล

เมื่อ พัก กึน-ฮเย ถูกประชาชนประท้วงขับไล่และถูกถอดถอนจากตำแหน่ง เธอกับ ชเว ซุน-ชิล ถูกสอบสวนในหลายคดีที่เกี่ยวพันกับการทุจริตเรียกรับเงินสินบนจากตระกูลมหาเศรษฐีนักธุรกิจเพื่อใช้ก่อตั้งองค์กรที่ขับเคลื่อนประเด็นทางการเมืองในการสนับสนุนอำนาจของ พัก กึน-ฮเย การขึ้นบัญชีดำศิลปินและคนในวงการศิลปวัฒนธรรมที่มีแนวคิดฝ่ายซ้าย และมีการเรียกรับผลประโยชน์ต่างๆ เพื่อความมั่งคั่งส่วนตัวของ ชเว ซุน-ชิล รวมไปถึงการแอบอ้างชื่อพักกดดันให้คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวารับ ชอง ยู-รา ลูกสาวของชเว เข้าเรียนด้วยวิธีการพิเศษ

ยุน ซ็อก-ยอล

นอกเหนือจากกรณี พัก กึน-ฮเย ก็ยังมี ยุน ซ็อก-ยอล อดีตประธานาธิบดีลำดับที่ 13 ที่เพิ่งถูกถอดถอนหลังประกาศกฎอัยการศึกจนถูกตั้งข้อหาก่อกบฏ และการไต่สวนที่ยังไม่สิ้นสุด

มีข้อมูลบ่งชี้ว่าผู้มีส่วนร่วมในการร่างแผนประกาศกฎอัยการศึกรวมถึงอดีตนายทหารที่ผันตัวไปเป็นมูดังอีกคนหนึ่ง นอกเหนือจาก ชอน ซ็อง-แพ ที่ปรึกษาของยุนในการเลือกตั้งปี 2022 ซึ่งถูกอัยการสอบสวนว่าเกี่ยวพันกับการแทรกแซงกิจการภายในรัฐบาลในฐานะผู้เสนอรายชื่อบุคคลที่จะมาเป็นตัวแทนพรรคพลังประชาชน (PPP) เพื่อลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแทนที่ยุน

หลักฐานที่บ่งชี้ว่า ชอน ซ็อง-แพ มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมและการตัดสินใจในหลายเรื่องของยุน มาจากการแสดงออกซึ่งความเชื่อในเรื่องโชคลางและความลี้ลับในอดีต เช่น การที่ยุนเขียนคำว่าจักรพรรดิ หรือ Hwang ในภาษาจีนที่ฝ่ามือระหว่างหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2022 และถูกวิเคราะห์ว่าเป็นความเชื่อเรื่องการเสริมดวง สร้างอำนาจบารมี เพื่อให้ยุนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนั้น

แม้กระทั่งการสั่งย้ายที่ตั้งทำเนียบประธานาธิบดีทันทีที่ยุนเข้าดำรงตำแหน่งก็ถูกร่ำลือว่าเป็นผลจากความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยมากกว่าจะเป็นเหตุผลด้านความมั่นคงอย่างที่ยุนกล่าวอ้าง เพราะนักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่าทำเลที่ยุนย้ายทำเนียบไปอยู่ใหม่นั้นน่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยมากกว่าเดิมเพราะอยู่ใกล้ย่านชุมชน ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นจริงจะป้องกันได้ยากและจะยิ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างใหญ่หลวง

ขณะเดียวกัน อี แจ-มยอง ตัวแทนพรรคประชาธิปไตยแห่งเกาหลี (DPK) แกนนำฝ่ายค้านที่เป็นตัวเก็งในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ 2025 ก็เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่าสุสานของพ่อเขาถูกคนรบกวน พร้อมทั้งเปิดเผยภาพการวางหินสลักตัวอักษรซึ่งเชื่อว่าเป็นการเล่นของเพื่อสกัดวิญญาณบรรพบุรุษตามความเชื่อแบบมูซ็อกต่อสื่อ 

คดีของ อี แจ-มยอง ยังไม่มีผลสืบสวนอย่างเป็นทางการ จึงไม่อาจระบุได้ว่าข้อเท็จจริงของการก่อเหตุเกิดจากเหตุผลใด 

ปรากฏการณ์หมอผีครองการเมืองเกาหลีใต้สะท้อนอะไร?

เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีหลังยุค 2000 แต่ความเชื่อเรื่องโชคลางและการทำนายดวงชะตายังแพร่หลาย เช่นเดียวกับที่หมอผีและคนทรง รวมถึงซินแส มีความเกี่ยวพันกับผู้นำทางการเมืองจำนวนไม่น้อย 

ความเห็นของนักมานุษยวิทยาที่เผยแพร่ผ่าน Korea Joongang Daily และ The Korea Herald มองว่าสังคมเกาหลีใต้เผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและปัญหาทางสังคมหลายอย่างในช่วงเปลี่ยนผ่านจากประเทศเผด็จการที่อาศัยการปฏิรูปนโยบายด้านอุตสาหกรรมในการพัฒนาประเทศมาสู่ยุคประชาธิปไตยที่เน้นความร่วมมือระหว่างประเทศ

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีคนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลหลายอย่าง ทำให้คนเกาหลีใต้ที่มีปัญหาหรือเผชิญความยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน เศรษฐกิจ หรือครอบครัว หันไปพึ่งพาบรรดามูดังซึ่งให้บริการหลายด้านที่เกี่ยวพันกับเรื่องทางจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการทำนายดวงชะตา การเสริมดวงเพื่อสร้างความมั่นใจ ไปจนถึงการติดต่อกับผีบรรพบุรุษผู้ล่วงลับเพื่อขอบนบานในเรื่องที่ตัวเองปรารถนาหรืออยากสมหวัง

นอกจากนี้ยังไม่ใช่แค่เกาหลีใต้ที่มีความเชื่อเรื่องอำนาจลี้ลับจะช่วยปัดเป่าหรือปกป้องคนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ประเทศแถบเอเชีย รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล้วนมีความเชื่อคล้ายกันอย่างแพร่หลายในเรื่องหมอดู วิญญาณ การทำนายทายทัก การสร้างบุญญาบารมี ไปจนถึงการขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 

กรณีของเกาหลีใต้ มีบทวิเคราะห์ที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์องค์กร Global Asia และสำนักข่าว Korea Joongang Daily ระบุว่า ความเชื่อเรื่องลี้ลับหรือการใช้บริการของหมอผี-คนทรงในเกาหลีใต้ไม่ใช่เรื่องผิดแปลก เพราะนี่คือหนึ่งในที่พึ่งทางจิตใจของคนในสังคม 

แม้เกาหลีใต้จะกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว แต่ความเชื่อเรื่องลี้ลับก็หยั่งรากลึกในสังคมจนแยกจากกันไม่ได้ และบรรดามูดังทั้งหลายก็ยังปรับตัวเองให้เข้ากับโลกสมัยใหม่ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ในการหาลูกค้าและเสนอบริการของตัวเองเพื่อเยียวยาจิตใจผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในด้านต่างๆ 

แต่สิ่งที่นักวิเคราะห์มองว่าผิดปกติและไม่ส่งผลดีต่อสังคมคือ มูดังจำนวนไม่น้อยมีโอกาสเข้าถึงบุคคลที่มีตำแหน่งสำคัญทางการเมือง มักใช้โอกาสนี้แสวงหาผลประโยชน์และสร้างเครือข่ายระบบอุปถัมภ์ขึ้นมาเพื่อเสริมสร้างอำนาจและความมั่งคั่งของตัวเองหรือพวกพ้อง เหมือนอย่างที่นักการเมืองของเกาหลีใต้หลายรายถูกดึงไปพัวพันกับคดีทุจริตและใช้อำนาจในทางมิชอบผ่านทางมูดัง หรือไม่ก็ผู้ให้คำปรึกษาทางจิตวิญญาณในรูปแบบอื่นๆ

นอกจากนี้ การที่ผู้นำทางการเมืองที่สำคัญถูกกล่าวหาว่าเชื่อในเรื่องลี้ลับย่อมส่งผลกระทบไปถึงภาพลักษณ์ของประเทศอย่างไม่มีทางเลี่ยง ยิ่งกรณีที่พบหลักฐานบ่งชี้ว่าผู้นำประเทศตัดสินใจโดยพึ่งพาความเห็นของมูดังแทนที่จะใช้ข้อมูลซึ่งเป็นข้อเท็จจริงและมีเหตุผลรองรับทางวิทยาศาสตร์ ทำให้เกิดคำถามว่า ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบตัวจริงในกรณีที่เกิดความผิดพลาดตามมาจากการตัดสินใจเหล่านั้น และการที่ผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้าแทรกแซงการทำงานต่างๆ ของรัฐบาลยังทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยด้วย

กว่าจะเป็น ‘มูดัง’ หรือหมอผีในเกาหลีใต้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง

The Korea Times และ Korea Herald ระบุว่า มูดังทำหน้าที่คาบเกี่ยวระหว่างหมอผี คนทรง หมอดูทำนายชะตา ไปจนถึงการเป็นซินแส และกฎหมายเกาหลีใต้ก็คุ้มครองมูดังในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ ซึ่งจะได้รับเงินเดือนจากงบประมาณสนับสนุนของรัฐ

The Korea Times และ Korea Herald ระบุว่า มูดังทำหน้าที่คาบเกี่ยวระหว่างหมอผี คนทรง หมอดูทำนายชะตา ไปจนถึงการเป็นซินแส และกฎหมายเกาหลีใต้ก็คุ้มครองมูดังในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ ซึ่งจะได้รับเงินเดือนจากงบประมาณสนับสนุนของรัฐ

สำนักข่าวเกาหลีใต้รายงานว่ามูดังในประเทศน่าจะอยู่ที่ราวๆ 300,000 คน ซึ่งเท่ากับว่ามูดังมีจำนวนมากกว่าตำรวจเกาหลีใต้ที่มีอยู่ประมาณ 130,000 นาย ทั้งยังมากกว่าครูทั่วประเทศที่มีอยู่ราว 190,000 คน

อย่างไรก็ดี The Korea Times ระบุว่า กิจการมูดังที่ขึ้นทะเบียนกับทางการจริงๆ มีอยู่แค่ 9,391 แห่ง และว่าจ้างงานบุคลากร 10,194 คนเท่านั้น แม้แต่ ชเว ซุน-ชิล ซึ่งถูกสื่อแปะฉลากว่าเป็นมูดังและที่ปรึกษาส่วนตัวของอดีตประธานาธิบดี พัก กึน-ฮเย ก็ไม่ใช่มูดังที่ขึ้นทะเบียนหรือได้รับการยอมรับจากเครือข่ายมูดังมืออาชีพ

เหตุผลหนึ่งที่มูดังจำนวนมากไม่ยอมขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการเกี่ยวพันกับเรื่องการจ่ายภาษีด้วย แม้ว่ามูดังที่ผ่านการฝึกอบรมจนผ่านการรับรองโดยองค์กรที่ภาครัฐสนับสนุนจะได้รับเงินเดือน แต่โดยรวมแล้วอาจน้อยกว่าเงินที่มูดังนอกระบบได้รับรายเดือนเสียอีก

นอกจากนี้ เหตุผลหนึ่งที่ทำให้หมอผี หมอดู คนทรง ซินแส มีอิทธิพลในสังคมเกาหลีใต้ ทั้งที่ประชากรกว่าครึ่งของประเทศนี้ระบุว่าตัวเอง ‘ไม่มีศาสนา’ เป็นเพราะถึงจุดหนึ่งคนในสังคมก็ต้องการความมั่นคงทางใจ และการเข้าหามูดังเพื่อใช้บริการคนทรงหรือหมอดูไม่จำเป็นต้องให้ ‘ลูกค้า’ ประกาศตัวเป็นสาวกหรือเข้ารีตเหมือนการนับถือศาสนาอื่นๆ ทำให้บริการของมูดังซึ่งรวมถึงการบนบานขอพรหรือขอแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับ ‘อำนาจลี้ลับ’ เปิดกว้างพร้อมรับทั้งชาวพุทธ ชาวคริสต์ และผู้ที่ไม่นับถือศาสนาใด 

อย่างไรก็ดี ผลสำรวจของ Joongang Ilbo ที่สำรวจความเห็นมูดังที่ผ่านการขึ้นทะเบียน 129 ราย เมื่อปี 2024 พบว่ามูดังเหล่านี้มากกว่าครึ่งคือผู้ถูกวินิจฉัยว่ามีความเจ็บป่วยทางจิต ไม่ว่าจะเป็นซึมเศร้า โรคเครียดเรื้อรัง หรือไบโพลาร์ ก่อนจะตัดสินใจผันตัวมาเป็นมูดัง ซึ่งผู้เป็นมูดังอธิบายว่า การเผชิญกับความเจ็บป่วยที่ไม่สามารถอธิบายได้คือคุณสมบัติหนึ่งของผู้ที่จะมาเป็นมูดัง แต่สิ่งเหล่านี้อาจถูกมองในแง่การแพทย์ว่าเป็นความป่วยทางใจ

นอกจากนี้ มูดังมืออาชีพจะต้องเรียนรู้การรำและการใช้เครื่องดนตรีประกอบพิธีกรรม เช่น กลอง กระดิ่ง ไปจนถึงการร่ายบทสวดเพื่อใช้ในโอกาสต่างๆ และมีมูดังที่ก่อตั้งโรงเรียนสอนการใช้เครื่องดนตรีและฝึกฝนการร่ายรำด้วย แต่งบประมาณสนับสนุนของรัฐบาลต่อศาสนาพื้นบ้านไม่ได้ครอบคลุมถึงโรงเรียนเหล่านี้ที่ก่อตั้งโดยเอกชน

Share
สร้างสรรค์โดย
creator
ตติกานต์ เดชชพงศ