26 กุมภาพันธ์ 12 ปี พิพากษายึดทรัพย์ทักษิณ 46,000 ล้านบาท
...
LATEST
Summary
- 26 กุมภาพันธ์ 2553 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษายึดทรัพย์สิน จำนวน 46,373 ล้านบาท ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตกเป็นของแผ่นดิน
- การยึดทรัพย์มีที่มาจากกรณีซุกหุ้นและใช้นอมินีถือหุ้น ชิน คอร์ปอเรชั่น มาเป็นคู่สัญญาของรัฐ เอื้อผลประโยชน์ให้ตนเอง
- เมื่อเดือนมกราคม ทักษิณ ชินวัตร ‘โทนี่ วู้ดซัม’ ประกาศใน CARE Talk x CARE ClubHouse ว่าจะกลับเมืองไทยในปี 2565 เพื่อมาทำงานรับใช้ประชาชน
...
หนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมืองหลังรัฐประหาร 2549 คือการตัดสินยึดทรัพย์ ทักษิณ ชินวัตร วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาตามที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องให้ยึดทรัพย์สิน จำนวน 46,373 ล้านบาท ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตกเป็นของแผ่นดิน
องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน มีคำพิพากษาด้วยมติเสียงข้างมาก ให้ยึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้จากการขายหุ้นและเงินปันผล ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่สมควร สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ ตกเป็นของแผ่นดิน โดยให้ยึดเฉพาะเงินค่าขายหุ้น (ซุกหุ้น) ของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ส่วนที่เพิ่มขึ้น หลังจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเงินปันผล เป็นเงิน 46,373 ล้านบาท จากจำนวน 76,261.6 ล้านบาท และคืนส่วนที่เหลือ 30,247 ล้านบาท เพราะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เงินที่มีอยู่แต่เดิม
คำพิพากษาครั้งนั้นมีที่มาจากการใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีโดยมิชอบ เพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจครอบครัว รวม 5 กรณี คือ
1. ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้บริษัท เอไอเอส หลังแปลงสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต ทำให้รัฐเสียหายกว่า 60,000 ล้านบาท
2. ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้บริษัท เอไอเอส หลังปรับลดส่วนแบ่งค่าสัมปทานโทรศัพท์ระบบเติมเงิน
3. ได้รับประโยชน์จากการแก้สัญญาให้รัฐร่วมรับผิดชอบค่าใช้เครือข่ายร่วมกับเอไอเอส ทำให้ องค์การโทรศัพท์ (ทศท.) และ การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) ได้รับความเสียหาย
4. การสนับสนุนธุรกิจดาวเทียมไอพีสตาร์ เอื้อประโยชน์บริษัท ชินคอร์ปฯ และไทยคม
5. สั่งให้เอ็กซิมแบงก์อนุมัติเงินกู้ให้พม่า 4,000 ล้านบาท เอื้อประโยชน์บริษัทไทยคม และชินคอร์ปฯ
ต่อมา วันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดีให้นอมินีถือหุ้นชินคอร์ปฯ บริษัท ซึ่งเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตัวเองและผู้อื่น และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต
ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา จากสองฐานความผิด คือ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทาน หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ จำคุก 2 ปี และเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการเข้ามีส่วนได้เสียเฝเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น จำคุก 3 ปี
เมื่อเดือนมกราคม ทักษิณ ชินวัตร ‘โทนี่ วู้ดซัม’ ประกาศใน CARE Talk x CARE ClubHouse ว่าจะกลับเมืองไทยในปี 2565 เพื่อมาทำงานรับใช้ประชาชน หลังขออนุญาตศาลฎีกาฯ เดินทางออกนอกประเทศ โดยให้เหตุผลเดินทางไปปฏิบัติภารกิจประเทศจีนและญี่ปุ่น ในปี 2551 และไม่ได้กลับไทยจนปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ทักษิณมีคดีทุจริตติดตัวอยู่หลายคดี ทั้งที่ตัดสินแล้ว ยกฟ้อง และอยู่ในการไต่สวนของ ป.ป.ช. จากทุกคดีรวมกันมีโทษจำคุกทั้งหมด 12 ปี
