เปิดงานศึกษา ‘ตลาดนัดในมหาวิทยาลัย’ ไม่ใช่แค่ที่ค้าขาย แต่เป็นสัญลักษณ์ของผู้คนและชุมชน
...
Summary
- หากมองอย่างผิวเผินอาจจะดูว่า ตลาดนัดในมหาวิทยาลัย ‘จุฬาฯ-เกษตรศาสตร์-มศว’ จะคล้ายๆ กัน แต่เมื่อมองลึกเข้าไป จะเห็นลักษณะเฉพาะแตกต่างกันออกไป
- ตลาดนัดไม่ใช่แค่ที่ค้าขาย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของผู้คนและชุมชน เป็นพื้นที่ที่ผู้คนเข้ามาพบปะสังสรรค์และให้ความหมายตามเงื่อนไขเฉพาะแต่ละแห่ง หากบริหารจัดการดีๆ ก็สามารถเป็นทั้งที่ทำมาหากินและมีความกลมกลืนกับชุมชนโดยรวม
- การพัฒนาตลาดนัด ต้องคำนึงถึง “อัตลักษณ์ที่มองเห็นได้-อัตลักษณ์เชิงประโยชน์-อัตลักษณ์ที่สามารถสัมผัสได้-อัตลักษณ์เชิงพฤติกรรม”
...
( 1 min read )
'ตลาดนัด' ตามความหมายจากพจนานุกรมแปลราชบัณฑิตยสถาน ระบุไว้ว่า เป็น "ที่ชุมนุมเพื่อซื้อขายของต่างๆ ซึ่งมิได้ตั้งอยู่ประจำ จัดให้มีขึ้นเฉพาะในวันที่กำหนดเท่านั้น"
ในด้านความเป็นมา ตลาดนัดผูกพันกับคนไทยมานานแสนนาน สืบย้อนไปตั้งแต่สมัยนครรัฐอย่างสุโขทัยล่วงมาจนถึงยุครัตนโกสินทร์
ปัจจุบัน ตลาดนัดสมัยใหม่ไปไกลกว่าการเป็นแค่พื้นที่ที่กลุ่มคนนัดกันเพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการเท่านั้น เม็ดเงินหมุนเวียนที่เกี่ยวกับธุรกิจตลาดนัดในแต่ละปีมีมูลค่าสูงมาก ตลาดนัดได้กระจายตัวไปในเขตพื้นที่ต่างๆ เกือบทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด หรือแม้กระทั่งองค์กร หรือหน่วยงานต่างๆ ก็หันมาเปิดตลาดนัดในพื้นที่ของตนเอง
จากงานศึกษาเรื่อง 'การสร้างอัตลักษณ์ของตลาดนัดภายในมหาวิทยาลัยของรัฐเขตกรุงเทพมหานคร' โดย ชวิตรา ตันติมาลา ปริญญานิพนธ์หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2560 ซึ่งเป็นงานศึกษาที่ใช้แนวคิดทางมานุษยวิทยาในการศึกษาเพื่อถอดบทเรียนการบริหารจัดการที่ดี โดยเก็บข้อมูลจากตลาดนัดภายในมหาวิทยาลัยของรัฐเขตกรุงเทพฯ จำนวน 3 แห่ง คือ ตลาดนัดวันศุกร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ตลาดนัดกรมประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และตลาดนัดนานาชาติ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พบข้อค้นพบที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
มองตลาดนัด 3 มหาวิทยาลัย "ในความเหมือนที่แตกต่าง"
งานศึกษาชิ้นนี้พบว่า พื้นที่ตลาดนัดภายในมหาวิทยาลัย ได้แก่ “ตลาดนัดวันศุกร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”, “ตลาดนัดกรมประมงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์” และ “ตลาดนัดนานาชาติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ” เมื่อมองผิวเผินอาจจะดูคล้ายๆ กัน แต่เมื่อมองลึกเข้าไปในรายละเอียดแล้ว พบว่าตลาดนัดแต่ละแห่งก็มีลักษณะเฉพาะแตกต่างกันออกไป
ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งเป็นส่วนหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญในการสร้างอัตลักษณ์ที่เป็นรูปแบบเฉพาะของตลาดนัดมหาวิทยาลัยนั้นๆ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรก และเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย มีความเป็นมาที่ยาวนาน และยังคงเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันทำให้ผู้บริหาร คณาจารย์ นิสิต เจ้าหน้าที่ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องล้วนแล้วแต่มีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางให้กับมหาวิทยาลัย และการจัดการพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะพื้นที่ตลาดนัดที่มีความเป็นมายาวนาน มีการคัดสรรร้านค้าและสินค้าอย่างเข้มข้น อีกทั้งยังมีการตรวจสอบคุณภาพ มาตรฐานของการขายสินค้าอย่างสม่ำเสมอ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยที่เปิดสอนด้านการเกษตร และยังคงมีชื่อเสียงในด้านนี้อย่างต่อเนื่องยาวนานมาจวบจนปัจจุบัน อีกทั้งยังมีทำเลที่ตั้งที่รายล้อมไปด้วยสถานที่ราชการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านการเกษตรกรรมของประเทศ เช่น กรมป่าไม้ กรมประมง กรมส่งเสริมวิชาการเกษตร และอื่นๆ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ยังมีงานเกษตรแฟร์ที่มีชื่อเสียงด้านสินค้าและผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรที่เป็นที่รู้จักของคนในละแวกนั้นและคนที่มาจากพื้นที่อื่นๆ จึงไม่แปลกเลยที่ตลาดนัดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะมีชื่อเสียงด้านสินค้า ประเภทพืช ผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆ
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยที่ผลิตครูและบุคลากรทางการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เป็นมหาวิทยาลัยส่วนกลางที่เคยบริหารวิทยาเขตมากมาย ปัจจุบันมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒก็ยังคงโดดเด่นและมีชื่อเสียงด้านการผลิตครู สำหรับตลาดนัดนานาชาติของมหาวิทยาลัย มีทั้งคนในมหาวิทยาลัยและคนนอกเข้ามาใช้พื้นที่ในช่วงเวลาที่มีตลาดนัดเป็นจำนวนมาก จนถูกขนานนามว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้การจราจรช่วงนั้นติดขัด อย่างไรก็ตาม การได้รับความนิยมและเป็นที่ขึ้นชื่อของตลาดนัดนานาชาตินี้ ทำให้มีร้านค้าจำนวนมากแจ้งความจำนงประสงค์จะขายสินค้าภายในตลาดนัดจนคณะกรรมการสวัสดิการผู้จัดการตลาดต้องขยายเวลาจากเดิมมีเพียงหนึ่งวันต่อสัปดาห์ คือวันพฤหัสบดี เป็นสองวันต่อสัปดาห์ คือวันอังคารและวันพฤหัสบดี
เพ่งตลาดนัดด้วยมุมมอง "พื้นที่แห่งชีวิต-สายใยแห่งความผูกพัน-การยอมรับและการปรับตัวภายใต้ข้อจำกัด"
ในงานศึกษาชิ้นนี้ ศึกษาด้วยแนวทางมานุษยวิทยาและพฤติกรรมศาสตร์ ที่ให้ความสำคัญกับมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม ค้นพบความหมายของตลาดนัดที่สำคัญ 3 ประการดังนี้
ความหมายที่ 1 ตลาดนัด คือ พื้นที่แห่งชีวิต เมื่อให้ความหมาย "คนในตลาดนัด" ในที่นี้หมายถึง ผู้ผลิต ผู้ขาย ทั้งเจ้าประจำและขาจร ผู้บริโภค ทั้งลูกค้าประจำ และลูกค้าขาจร และคณะกรรมการฝ่ายบริหารและจัดการตลาดนัดภายในมหาวิทยาลัย
การศึกษาพบว่า การรับรู้และการให้ความหมายของคนในตลาดและคนในมหาวิทยาลัยที่มีต่อตลาดนัด คือ เป็นพื้นที่แห่งชีวิต ทั้งที่เป็น "ความรักในอาชีพค้าขาย" และ "วิถีชีวิตที่ผูกติดไว้กับตลาดนัด"
สำหรับมุมมองที่มองตลาดนัดจาก ตลาดนัดในการรับรู้และให้ความหมายของคนในตลาดนัดภายในมหาวิทยาลัยนั้น มองตลาดนัดจากมุมของ "ความรักในอาชีพค้าขาย" เพราะตลาดนัดเปรียบเสมือนพื้นที่แห่งชีวิต ที่ไว้ใช้ยึดเหนี่ยว ทั้งการดำรงชีพค้าขาย การประกอบสัมมาชีพเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง การดำเนินการกิจการของครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น และความผูกพันกับสินค้าและการบริการ
ส่วน "วิถีชีวิตที่ผูกติดไว้กับตลาดนัด" นั้น พบว่าการรับรู้และการให้ความหมายของคนในตลาดนัดภายในมหาวิทยาลัย ในส่วนของผู้บริโภคนั้น การเกิดตลาดนัดบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่พักอาศัย สถานที่ทำงาน หรือทางผ่านระหว่างเดินทาง ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกในการจับจ่ายใช้สอยและการบริโภค เป็นวิถีชีวิตและเป็นกิจวัตรของคนในพื้นที่ ซึ่งตลาดนัดสามารถสร้างความแตกต่างหลากหลายในแง่ของประโยชน์ใช้สอย สามารถเปลี่ยนแปลงบรรยากาศของพื้นที่ จากสถานที่ทำงานที่ว่างเปล่า ให้มีความหมายเป็นสถานที่ที่สามารถใช้ร่วมกัน เป็นพื้นที่สาธารณะ สามารถใช้เวลาว่าง และเวลาส่วนตัวในการพบปะผู้คน พบปะสังสรรค์กับเพื่อน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและลดความจำเจ ความตึงเครียดจากงานประจำและการเรียนได้ เป็นพื้นที่แห่งชีวิตชีวาและสีสัน
ความหมายที่ 2 ตลาดนัด คือ สายใยแห่งความผูกพัน สามารถแบ่งเป็นความหมายย่อยๆ ได้ 3 ประเด็น คือ "ความผูกพันระหว่างพ่อค้า แม่ค้าเจ้าประจำ และลูกค้าขาประจำ", "ความผูกพันระหว่างคนในตลาดกับสินค้าและบริการ" และ "ความผูกพันระหว่างคนในตลาดกับพื้นที่ของมหาวิทยาลัย"
ในด้าน "ความผูกพันระหว่างพ่อค้า แม่ค้าเจ้าประจำ และลูกค้าขาประจำ" นั้น เป็นความผูกพันเสมือนเพื่อน เหมือนญาติมิตร ทั้งพูดคุย แนะนำ ให้คำปรึกษากันและกันเป็นเวลานาน วันไหนที่เข้ามาในพื้นที่แล้ว ไม่ได้เจอหน้ากันจะเหมือนมีความรู้สึกว่ามีบางสิ่งขาดหายไป การได้มาซื้อของร้านประจำ ได้กินอาหารร้านที่โปรดปรานก็ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ
ในด้าน "ความผูกพันระหว่างคนในตลาดกับสินค้าและบริการ" การค้าขายสินค้า นอกจากพ่อค้าแม่ค้าจะต้องโอภาปราศรัย มีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้ม แจ่มใสร่าเริงเมื่อลูกค้าเข้าร้านแล้ว คุณภาพของสินค้าก็เป็นส่วนสำคัญในการดึงดูดใจและก่อให้เกิดผลกำไรได้ งานศึกษาชิ้นนี้พบว่าทั้งคนขายและคนซื้อให้ความสำคัญกับการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่ตนขายและสิ่งที่ตนใช้พอสมควร จึงเกิดเป็นความสัมพันธ์ระหว่างคนกับของขึ้น เช่น เป็นสิ่งที่ตนรักและผูกพัน เป็นสิ่งที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ เป็นสิ่งที่มีรูปลักษณ์ถูกปากถูกใจ
ส่วนในด้าน "ความผูกพันระหว่างคนในตลาดกับพื้นที่ของมหาวิทยาลัย" นั้น พบว่า พ่อค้าแม่ค้าที่ขายสินค้าในตลาดนัดภายในมหาวิทยาลัยมีความผูกพันกับมหาวิทยาลัยที่มีลักษณะของความเป็นพื้นที่สาธารณะ เป็นพื้นที่ทางวิชาการ และเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญกับการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน ทั้งในเชิงธุรกิจและเชิงความสัมพันธ์
ในขณะที่คนในตลาดและคนในมหาวิทยาลัยก็มีความเชื่อมั่นและความผูกพันในการบริหารจัดการพื้นที่ของทางมหาวิทยาลัย เสียงสะท้อนจากเจ้าของร้านบางรายมองว่าตลาดนัดตามส่วนราชการนี้ถือว่าดี ไม่ต้องไปเผชิญกับปัญหาเรื่องของมาเฟีย หรือการทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องการแย่งชิงพื้นที่ การขายสินค้าตัดราคากัน หรือความวุ่นวายอื่นๆ ที่มักพบได้ตามตลาดทั่วไป ผู้ขายจึงมีความรัก ความศรัทธาและผูกพันกับตลาดนัดภายในมหาวิทยาลัยมาก
ความหมายที่ 3 การยอมรับและการปรับตัวภายใต้ข้อจำกัด การศึกษาพบคนในตลาดและคนในมหาวิทยาลัยที่มีต่อตลาดนัดต้องเผชิญกับทั้งความไม่แน่นอนเรื่องรายรับรายจ่าย, ความไม่แน่นอนเรื่องสภาพอากาศ, ปัจจัยภายนอกจากสภาพพื้นที่ และข้อจำกัดเรื่องกฎระเบียบและการควบคุม – ซึ่งคนในตลาดและคนในมหาวิทยาลัยจะต้องยอมรับ แก้ไขสถานการณ์ และปรับตัวอยู่กับสิ่งเหล่านี้ให้ได้
แนะนำไปปรับใช้กับตลาดนัดในหน่วยงานอื่นๆ ควรคำนึงถึง "อัตลักษณ์ 4 ประการ"
งานศึกษาชิ้นนี้ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะสำหรับองค์กรหน่วยงานและกลุ่มคนที่สนใจนำผลศึกษาไปใช้ประโยชน์ปรับใช้กับตลาดนัดในพื้นที่ของตน โดยต้องคำนึงถึงอัตลักษณ์ 4 ประการดังนี้
อัตลักษณ์ที่มองเห็นได้ (Graphical identity) ประกอบไปด้วยลักษณะเฉพาะของพื้นที่และบริบทโดยรอบ ลักษณะของระบบการจัดการตลาดนัดและภาพลักษณ์ของตลาดที่สะท้อนโดยคนนอกนั้น เป็นเสมือนกระจกส่องสะท้อนอัตลักษณ์ขององค์กรหน่วยงาน
ดังนั้นจึงควรสร้างบรรยากาศของความเป็นตลาดนัด โดยการเปิดโอกาสให้คนหน่วยงานได้มีส่วนร่วมในการประกอบสร้างอัตลักษณ์ของตลาด มากกว่าการเป็นผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว การมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทาง นโยบาย เสนอความเห็น ตลอดจนมีส่วนร่วมในการเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้ตลาดนัดและหน่วยงานเดินไปในทิศทางเดียวกัน
อัตลักษณ์เชิงประโยชน์ (Functional identity) การปรับปรุงระบบการบริหารจัดการตลาดนัดและแนวทางการพัฒนาภาพลักษณ์ของตลาดนัด ควรใช้กระบวนการวิจัยอย่างมีส่วนร่วมกับคนในพื้นที่ตลาดนัดและพื้นที่องค์กรหน่วยงาน เพื่อให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพและยกระดับด้านการบริการตลาดนัดแก่ประชาชนทั่วไป การบริหารจัดการตลาดนัดควรมีการคัดกรองร้านค้าที่เหมาะสม การจัดสรรพื้นที่ควรคำนวณสัดส่วนของผู้ค้าและพื้นที่อำนวยความสะดวก เช่น ที่จอดรถยนต์ส่วนตัว ห้องน้ำ ระบบไฟฟ้า และแนวทางการจัดการขยะ จัดสรรสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ให้เพียงพอกับความต้องการ
การปรับปรุงระบบการบริหารจัดการตลาดนัดและแนวทางการพัฒนาภาพลักษณ์ของตลาดนัด ควรใช้กระบวนการวิจัยอย่างมีส่วนร่วมกับคนในพื้นที่ตลาดนัดและพื้นที่องค์กรหน่วยงาน เพื่อให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพและยกระดับด้านการบริการตลาดนัดแก่ประชาชนทั่วไป
อัตลักษณ์ที่สามารถสัมผัสได้ (Sensorial identity) สร้างบรรยากาศของตลาดนัดให้มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองให้เป็นที่น่าสนใจ และใส่ใจให้ความรักลงไปในสินค้าที่ตนเองทำและขาย จะสร้างความดึงดูดใจให้แก่ร้านค้าของตนเองมากยิ่งขึ้น การพยายามสร้างจุดขายให้กับร้านและผลิตภัณฑ์ของตนเองโดยการเอาใจใส่ มีการนำเรื่องราวมาผสมผสานเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของตลาดนัดที่มีบรรยากาศของการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง บอกเล่าเรื่องราวและพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะกันอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งถือเป็นธรรมชาติที่หาไม่ได้จากการซื้อของในห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ
อัตลักษณ์เชิงพฤติกรรม (Behavioral identity) ควรมีการเปิดโอกาสให้คนในองค์กรหน่วยงานและผู้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบตลาดนัด มีส่วนช่วยกำหนดทิศทางของตลาดนัด ทั้งตามความต้องการบริโภคและการดำเนินชีวิต เพราะการมีตลาดนัดจะทำให้ผู้คนไหลบ่ามาจากหลากหลายกลุ่ม หลายชนชาติ หลายวัตถุประสงค์ ทำให้เกิดการผสมผสาน ปะปน ปนเปกันของพฤติกรรม จึงเปลี่ยนบรรยากาศและรูปแบบการใช้ชีวิตของพื้นที่นั้นๆ ใหม่ให้มีชีวิตชีวา สร้างความผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด และสร้างสรรค์ปฏิสัมพันธ์ในหลากหลายรูปแบบให้ไม่น่าเบื่อและไม่จำเจ อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของสถานที่นั้นๆ ให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอีกด้วย
บทความนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง Knowledge Portal by OKMD x Thairath Plus ติดตามข้อมูลดีๆ ได้ที่ https://knowledgeportal.okmd.or.th
ดาวน์โหลดปริญญานิพนธ์นี้ฉบับเต็มได้ที่ :
- การสร้างอัตลักษณ์ของตลาดนัดภายในมหาวิทยาลัยของรัฐเขตกรุงเทพมหานคร (ชวิตรา ตันติมาลา, หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, กันยายน 2560)
