เปิดรายงานสอบสวนลีกบอลหญิงสหรัฐฯ พบการล่วงละเมิดทางเพศอย่าง ‘เป็นระบบ’
...
LATEST
Summary
- การล่วงละเมิดทางเพศในวงการฟุตบอลหญิงสหรัฐฯ เกิดจากสมดุลอำนาจที่ไม่เท่าเทียมเกิดขึ้นหลายครั้ง โดยฝ่ายบริหารสโมสรฟุตบอล รวมถึงผู้เกี่ยวข้องระดับสูงอื่นๆ เพิกเฉยต่อปัญหา
- มีรายงานออกมาเมื่อปีที่แล้วพบว่า การละเมิดทางวาจาและการล่วงละเมิดทางเพศโดยโค้ชนั้นเกิดขึ้นอย่างเป็น ‘ระบบ’ โดยหลายครั้งมีพื้นฐานจากการใช้อำนาจความเป็นโค้ช
- ที่สำคัญคือ โค้ชฟุตบอลบางคน เมื่อถูกเปิดโปงพฤติกรรมที่สโมสรหนึ่งและต้องถูกปลดจากงาน แต่ก็สามารถไปรับงานกับทีมใหม่ได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
...
เปิดรายงานฉบับทางการหลังจากสอบสวนลีกฟุตบอลหญิงสหรัฐอเมริกา พบการล่วงละเมิดทางเพศ พฤติกรรมการกรูมมิงอันเกิดจากสมดุลอำนาจที่ไม่เท่าเทียมเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ โดยฝ่ายบริหารสโมสรฟุตบอล รวมถึงผู้เกี่ยวข้องระดับสูงอื่นๆ เพิกเฉยต่อปัญหามาเป็นเวลายาวนาน
หลังจากกรณี ชิม ซุก ฮี นักสเกตความเร็วหญิงชาวเกาหลีใต้เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกสองสมัยที่ออกมาเปิดเผยเมื่อปี 2019 ว่าถูกโค้ชใช้วาจารุนแรง พฤติกรรมทารุณ และถูกล่วงละเมิดทางเพศนานกว่า 4 ปี กระทั่งเธอยื่นฟ้องโค้ชและจนเขาถูกตัดสินโทษจำคุก 10 ปี
ส่วนในสหรัฐอเมริกา ก็เพิ่งมีคำตัดสินคดีล่วงละเมิดทางเพศโดยโค้ชและแพทย์ประจำทีมเมื่อปีที่แล้วให้เยียวยาแก่นักกีฬาเป็นจำนวน 380 ล้านดอลลาร์ หลังจากนักกีฬา 156 คนออกมาเปิดเผยพฤติกรรมของผู้ล่วงละเมิดเมื่อปี 2016 และต้องสู้คดีนานกว่า 5 ปี
กรณีฉาวที่เกิดขึ้นกับลีกฟุตบอลหญิงสูงสุดของสหรัฐฯ (National Women’s Soccer League: NWSL) และมีโค้ชเกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 คน ซึ่งเปิดเผยขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว จึงเหมือนกับการฉายหนังวนซ้ำอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ไม่พบการแก้ปัญหาจากสมาพันธ์ฟุตบอลสหรัฐฯ (USSF) หรือผู้บริหารทีมต่างๆ แต่อย่างใด นอกจากวัฒนธรรมการล่วงละเมิดและความเงียบที่ดำเนินต่อไป โค้ชผู้ก่อปัญหาเพียงถูกไล่ออกจากทีมเก่า ย้ายซบทีมใหม่ และยังไปก่อพฤติกรรมซ้ำเดิม สร้างบาดแผลให้กับนักกีฬาและวงการฟุตบอลหญิงเนิ่นนานหลายปี
หลังการเผยแพร่บทสัมภาษณ์นักฟุตบอลหญิงผู้ถูกล่วงละเมิดผ่าน The Athletic รวมถึง Washington Post ฝ่ายบริหารสโมสรดูจะมีความกระตือรือร้นขึ้นและพิจารณาปลดโค้ชออกจากทีม
หนึ่งปีผ่านไป รายงานการสอบสวนอย่างเป็นทางการได้รับการเผยแพร่ต่อสาธารณะ นำการสอบสวนโดย แซลลี คิว. เยตส์ อดีตรองอัยการสูงสุดสหรัฐฯ ร่วมกับสำนักงานกฎหมาย คิงแอนด์สปอลดิง (King & Spalding) หลังจากสื่อรายงานบันทึกข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศและทางวาจาต่อโค้ช
สิ่งสำคัญที่รายงานฉบับนี้พบคือ การละเมิดทางวาจาและการล่วงละเมิดทางเพศโดยโค้ชนั้นเกิดขึ้นอย่างเป็น ‘ระบบ’
นี่คือข้อค้นพบที่เกิดขึ้นกับลีกฟุตบอลหญิงสูงสุดของสหรัฐฯ ซึ่งแม้จะเรียกร้องค่าเสียหายชดเชยที่เหมาะสมได้สำเร็จเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่วัฒนธรรมการล่วงละเมิดทางเพศ พฤติกรรมการกรูมมิงอันเกิดจากสมดุลอำนาจที่ไม่เท่าเทียม ยังคงสร้างรอยด่างพร้อยให้กับสมาพันธ์ฟุตบอลสหรัฐฯ ที่ไม่เคยลงมือแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง
แคทเปญ Protect Our Players
คริสตี ฮอลลี
เมื่อปีที่แล้ว ฮอลลีถูกไล่ออกขณะเป็นโค้ชของทีมเรซิงหลุยส์วิลล์ (Racing Louisville F.C.) ตั้งแต่ช่วงเปิดฤดูกาล โดยมีคำอธิบายต่อสาธารณะเพียงเล็กน้อย ขณะที่ข้อกล่าวหาต่อโค้ชอีกสองคนมีรายละเอียดอยู่ในรายงานข่าวของสื่อ แต่ข้อกล่าวหาต่อฮอลลีกลับไม่เป็นที่ทราบกันในสาธารณะ
รายงานพบว่าการประพฤติมิชอบของฮอลลี ขณะเป็นผู้ฝึกสอนที่หลุยส์วิลล์ รวมถึงการสัมผัสที่มีความมุ่งหมายทางเพศ (sexual contact) การส่งข้อความไม่เหมาะสม การใช้อำนาจและการตอบโต้ในทางมิชอบ
ในกรณีหนึ่ง ฮอลลีเชิญนักกีฬาคนหนึ่งมาที่บ้านเพื่อดูเทปการแข่งขัน แต่เขากลับช่วยตัวเองต่อหน้าเธอและแสดงภาพลามกอนาจารให้เธอดู ขณะดูเทปการแข่งกับนักฟุตบอลในโอกาสต่างๆ กัน ฮอลลีคลำที่หน้าอกและอวัยวะเพศของนักกีฬาทุกครั้งที่พวกเธอเล่นผิดพลาด
ฮอลลียังส่งภาพเปลือยของตัวเองไปให้นักกีฬา และขอให้พวกเธอส่งภาพแบบนั้นกลับมาบ้าง นักฟุตบอลบอกว่า ‘รู้สึกผิด’ และ ‘ถูกบังคับ’ ให้ส่งรูปถ่าย นักฟุตบอลบอกอีกว่า “ฮอลลีมักบอกให้ทำตัว ‘สบายๆ’ เวลาคุยกับเขา เพราะถ้ามา ‘สนุก’ กับเขาจะช่วยปรับปรุงผลงานของเธอในสนาม”
พอล ไรลีย์
รายงานนี้พุ่งเป้าไปยังโค้ช พอล ไรลีย์ ซึ่งถูกไล่ออกจากทีมนอร์ทแคโรไลนาคอเรจ (North Carolina Courage) เมื่อปีก่อน โดยพบว่า ไรลีย์ ‘ใช้สถานะที่เหนือกว่า’ บังคับให้นักฟุตบอลอย่างน้อย 3 คนมีเพศสัมพันธ์ด้วย
“การละเมิดของพอล ไรลีย์นั้นเกิดขึ้นยาวนานและเป็นวงกว้าง” รายงานกล่าว “ครอบคลุมหลายลีก หลายทีม และนักกีฬาจำนวนมาก รวมถึงการประพฤติผิดทางอารมณ์ การใช้อำนาจในทางมิชอบ และการประพฤติผิดทางเพศ”
นักฟุตบอลคนหนึ่งกล่าวว่า ไรลีย์ล่วงประเวณีเธอหลายครั้ง ครั้งหนึ่ง เธอกล่าวว่า ไรลีย์ขอให้เธอชมเทปการแข่งย้อนหลังกับเขาในห้องพักโรงแรม เมื่อเธอมาถึงห้อง เธอกล่าวว่า ไรลีย์ออกมาคุยที่ประตูโดยสวมแค่กางเกงใน และบอกให้เธอไปที่เตียง แต่เธอไม่เข้าไปหลังจากทราบว่าไม่มีเทปย้อนหลังฉายทางโทรทัศน์
“ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย” นักฟุตบอลกล่าว “ทำให้ฉันไม่สนุกกับการเล่นฟุตบอล มันเป็นสถานการณ์ที่เลวร้าย”
ปี 2014 ไรลีย์เป็นหัวหน้าโค้ชให้ทีมพอร์ตแลนด์ธอร์นส์ (Portland Thorns) ได้รับเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากนักกีฬาว่า ‘ใช้ถ้อยคำรุนแรง’ ‘เหยียดเพศ’ และ “ด่ากราดนักบอลทุกวัน’
รายงานของทีมธอร์นสในปี 2015 ระบุว่า ไรลีย์ส่งข้อความไม่เหมาะสมไปหานักกีฬา เสิร์ฟแอลกอฮอล์ให้พวกเธอ ชวนนักกีฬาไปที่ห้องพักในโรงแรม และเวลาเต้นกับนักกีฬาเขามักตั้งใจสัมผัสร่างกายพวกเธออย่างไม่เหมาะสม
หลังถูกไล่ออกจากทีมธอร์นส์ 5 เดือนต่อมา แม้ได้รับเมลรายละเอียดพฤติกรรมของไรลีย์ ทีมเวสเทิร์นนิวยอร์กแฟลช (Western New York Flash) ก็ยังรับไรลีย์เป็นโค้ชคนใหม่
รอรี เดมส์
เดมส์ลาออกจากทีมชิคาโกเรดสตาร์สเมื่อปีก่อน นอกจากนี้เขายังเป็นโค้ชให้กับทีมเยาวชนชิคาโก รายงานพบว่า เขาสร้างสภาพแวดล้อมของทีมเยาวชนที่ “ข้ามเส้นไปสู่ความสัมพันธ์ทางเพศได้ในหลายกรณี” แม้ว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นหลังจากอายุที่ได้รับความยินยอมตามกฎหมาย (age of consent) แล้วก็ตาม
รายงานยังระบุว่า เขาใช้วาจาละเมิดนักกีฬาในทีมและพูดหยอกล้อเกี่ยวกับอายุที่มีกิจกรรมทางเพศได้
นักกีฬาในทีมเยาวชนกล่าวว่า หลังการฝึกซ้อมครั้งหนึ่ง เดมส์พาเธอมาส่งบ้านและถามคำถามเกี่ยวกับเซ็กซ์ เธอบอกว่า “เขาจะไม่พาฉันกลับบ้านจนกว่าฉันจะตอบคำถาม”
รายงานยังระบุด้วยว่า เป็นเรื่องไม่ปกติที่เดมส์จะอยู่กับเด็กผู้หญิงในทีมเยาวชนสองต่อสองโดยไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย รวมถึงในห้องนอนของเด็กๆ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้เล่นหลายคนพยายามแจ้งข้อกังวลเกี่ยวกับเดมส์ รวมถึงในปี 2014, 2015 และ 2018 รายงานโดยสมาคมผู้เล่นทีมชาติหญิงแห่งสหรัฐอเมริกาในปี 2018 ได้แจ้ง ลิเดีย วอล์ก (Lydia Wahlke) หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ USSF ให้จ้างที่ปรึกษาจากภายนอกเพื่อสอบสวนเดมส์
ในเดือนตุลาคม 2018 การสืบสวนพบว่า เดมส์ได้สร้าง “วงจรการล่วงละเมิดทางอารมณ์และการควบคุม” ขึ้นในทีมชิคาโกเรดสตาร์ส แต่วอล์กไม่ได้แจ้งสิ่งที่ค้นพบแก่ทีม หรือส่งเรื่องต่อไปยังลีก NWSL
นักฟุตบอลคนหนึ่งกล่าวว่า เธอรับรู้ได้ว่าการรายงานพฤติกรรมของเดมส์ “ถูกทำให้เงียบหายไป”
การละเมิดทางวาจา บั่นทอนนักกีฬาไม่แพ้การกระทำ
นอกจากพฤติกรรมของโค้ช 3 คนข้างต้นที่ระบุในรายงานอย่างละเอียดแล้ว ยังมีกรณีโค้ชคนอื่นๆ ที่นักกีฬาร้องเรียนว่าพวกเธอถูกละเมิดทางวาจาจนในที่สุดจำต้องออกจากทีมและถึงขั้น ‘เกลียดฟุตบอลไปเลย’
ริชี เบิร์ก (Richie Burke) หัวหน้าโค้ชจากทีมวอชิงตันสปิริต (Washington Spirit) เป็นอีกคนที่นักกีฬาเข็ดขยาด โดยเฉพาะนักฟุตบอลผิวดำอย่าง เคยา แมคคัลโล (Kaiya McCullough) หวาดกลัวทุกครั้งหากเธอทำอะไรผิดพลาด เพราะจะถูกตะโกนใส่หน้าอย่างรุนแรง
หลังการฝึกซ้อม เบิร์กมักเล่นมุกที่อาจเข้าข่ายเหยียดผิว ซึ่งทำให้แมคคัลโล ‘ไม่สบายใจมาก’
ในวัย 23 เธอตัดสินใจลาออกจากทีม เพราะถูกละเมิดทางอารมณ์และทางวาจาโดยเบิร์ก แมคคัลโลเป็นหนึ่งในอย่างน้อย 4 คนที่ลาออกจากทีมในช่วง 2 ปีที่เบิร์กเป็นหัวหน้าโค้ช
“หัวหน้าโค้ชคือตัวแทนอำนาจในระบบที่สร้างขึ้นเพื่อควบคุมนักกีฬาที่ปราศจากอำนาจ” เมแกน เบิร์ก (Meghann Burke) ผู้อำนวยการบริหารสหภาพนักกีฬา NWSL กล่าว “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้เล่นจะลังเลที่จะพูดออกมาเมื่อโค้ชใช้อำนาจในทางที่ผิด”
เมื่อบทสัมภาษณ์แมคคัลโลและนักฟุตบอลไม่ระบุชื่ออีกสองคนได้รับการเผยแพร่ผ่าน Washington Post ในปี 2021 ริชี เบิร์ก แจ้งว่าจะออกจากตำแหน่ง ขณะที่ทีมวอชิงตันสปิริตเตรียมตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีดังกล่าว
ขาดการกำกับดูแล
รายงานให้รายละเอียดว่า ข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดหรือการประพฤติมิชอบมักไม่ได้รับการสอบสวนจนถึงที่สุด ทำให้โค้ชผู้ถูกกล่าวหามีโอกาสเข้าเป็นโค้ชแก่ทีมอื่น รายงานพบว่าการสอบสวนหลายครั้ง ลีก NWSL “ไม่สามารถขจัดความประพฤติผิดได้สำเร็จ”
หลังจากปี 2015 ผู้เล่นคนหนึ่งรายงานการประพฤติมิชอบทางเพศของไรลีย์ต่อพอร์ตแลนด์ธอร์นส์ ซึ่งเขาเคยเป็นโค้ช ทีมธอร์นสทำการสอบสวนประมาณหนึ่งสัปดาห์ และไรลีย์ถูกไล่ออกจากทีมทันที
แต่พอร์ตแลนด์ธอร์นสไม่ได้แจ้งให้ผู้เล่นหรือสาธารณชนทราบถึงเหตุผลในการเลิกจ้างไรลีย์ และต่อมาไรลีย์ได้รับการว่าจ้างจากอีกทีมหนึ่ง (รายงานระบุว่าทีมธอร์นส์ได้ส่งเมลแจ้งเตือนปัญหาด้านความประพฤติของไรลีย์ต่อทีมดังกล่าวแล้ว)
นักกีฬาเยาวชน: ป้องกันก่อนจะสาย
แม้การสอบสวนไม่ได้เน้นไปที่ทีมเยาวชนของสหรัฐฯ แต่รายงานก็พบกรณีตัวอย่างหลายกรณีเกี่ยวกับการละเมิดทางวาจาและการล่วงละเมิดทางเพศนักกีฬากลุ่มนี้
“วัฒนธรรมของการอดทนต่อการใช้วาจาของนักกีฬาเยาวชนมีมากกว่าลีก NWSL” รายงานกล่าว “นักฟุตบอลยังบอกด้วยว่าประสบการณ์ของพวกเธอที่ถูกล่วงละเมิดทางวาจาและเส้นแบ่งของความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนระหว่างโค้ชกับนักกีฬา ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแยกแยะว่าสิ่งใดอยู่นอกขอบเขตที่พึงกระทำ”
ตัวอย่างหนึ่งในรายงานนี้ได้ร้องเรียนโดยไม่ระบุชื่อ ว่าไรลีย์ได้สร้าง ‘สภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย’ ในโปรแกรมฝึกฝนนักฟุตบอลเยาวชนหญิงในอะคาเดมีของเขา และโค้ชคนหนึ่ง ‘สัมผัสนักกีฬาอย่างไม่เหมาะสม’
ผู้ร้องเรียนกล่าวว่า “กลัวการตอบโต้จากไรลีย์หากออกมาเปิดเผยเรื่องนี้” และเสริมว่า “เป็นที่รู้กันว่าเขาแค้นทุกคนที่ล้ำเส้นเขา”
คำแนะนำเพื่อปกป้องนักกีฬาจากสมดุลอำนาจที่ไม่เท่าเทียม
รายงานแนะนำว่า แต่ละทีมควรเปิดเผยข้อมูลโค้ชที่ประพฤติมิชอบในหน้าที่เพื่อไม่ให้สามารถย้ายไปสร้างปัญหาต่อยังทีมอื่น และลีก NWSL ควรดำเนินการตรวจสอบและสอบสวนกรณีการประพฤติมิชอบในหน้าที่อย่างจริงจัง
นอกจากนี้ควรจัดอบรมประจำปีแก่นักกีฬาและโค้ชว่าด้วยพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและการล่วงละเมิด และแต่ละทีมควรมีความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของนักกีฬา
รายงานยังแนะนำว่าสมาพันธ์ฟุตบอลสหรัฐฯ ควรตรวจสอบและวางมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันผู้เล่นเยาวชน
ประเด็นพฤติกรรมการกรูมมิงรวมถึงสมดุลทางอำนาจอันไม่เท่าเทียมระหว่างโค้ช-นักกีฬายังได้รับการตั้งคำถามอยู่ต่อไป ตราบใดที่ยังไม่มีมาตรการขั้นพื้นฐานในการคุ้มครองความปลอดภัยแก่นักกีฬาที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
อ้างอิง: nytimes.com, int.nyt.com, theathletic.com, washingtonpost.com
