Humberger Menu

คำถามจริยธรรม เราควรใช้ร่างของหญิงสมองตายเพื่อ ‘อุ้มบุญ’ หรือไม่?

-ก
+
Light
Dark
ฟังบทความ

Politics & Society

Human's Life

Social Issues

9 ก.พ. 66

creator
กองบรรณาธิการ
BookmarkLineCopy
-ก
+
Light
Dark
ฟังบทความ

...

Summary
  • ข้อเสนอนี้มาจากหลักการที่ว่า หากเรายินดีกับการรับบริจาคอวัยวะ ประเด็นการบริจาคทั้งร่างกายเพื่อการตั้งครรภ์จึงเป็นสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้
  • ในทางทฤษฎี ผู้หญิงที่อยู่ในสภาพผักหรือสมองตายจะถูกเก็บไว้ให้มีชีวิตต่อ ตราบใดที่สามารถใช้ตั้งครรภ์ได้ อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แบบเดียวกับการบริจาคอวัยวะอื่นๆ
  • นักสิทธิสตรีหลายคนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ มองว่าเป็นความสูญสลายทางศีลธรรมของสังคม ควรต้องหาทางยุติแนวคิดการละเมิดผู้หญิงแบบนี้

...


คำถามนี้ริเริ่มจาก แอนนา สมาจเดอร์ (Anna Smajdor) ศาสตราจารย์ปรัชญาทางการปฏิบัติแห่งมหาวิทยาลัยออสโล โดยเสนอว่า อาจจะใช้ประโยชน์จากร่างกายที่ได้รับบริจาคเพื่อการตั้งครรภ์แบบเดียวกับที่มีการบริจาคอวัยวะอื่นๆ

ข้อเสนอที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียนี้มาจากบทความเรื่อง Whole Body Gestational Donation หรือการบริจาคร่างกายเพื่อการตั้งครรภ์ ในวารสารวิชาการ Theoretical Medicine and Bioethics ที่ตีพิมพ์ตั้งแต่เมื่อพฤศจิกายน 2022 

“หากเรายินดีกับการรับบริจาคอวัยวะ ประเด็นการบริจาคทั้งร่างกายเพื่อการตั้งครรภ์ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ต้องกังวล เพราะแตกต่างกันที่ความเข้มข้นของการบริจาค” สมาจเดอร์สรุป

สมาจเดอร์เสนอว่า ควรจะใช้ประโยชน์จากร่างกายของผู้หญิงที่อยู่ใน ‘สภาพผัก’ หรือสมองตาย ด้วยการอุ้มท้องให้กับ “พ่อแม่ที่ต้องการมีลูก แต่ไม่สามารถมีลูกได้ หรือไม่อยากตั้งครรภ์” ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่อาจมีความเสี่ยงจากการตั้งครรภ์ เช่น ความดันโลหิตสูง มีบาดแผลทางอารมณ์

วิธีนี้ยังแก้ปัญหาการขาดแคลนหญิงอุ้มบุญด้วย ส่วนหนึ่งมาจากการตั้งครรภ์แทน พ่อแม่ที่อยากมีลูกมักจะอยากใช้เซลล์สืบพันธุ์ของตนเองมากกว่า ดังนั้นการทำให้ท้องอาจเป็นการผ่าตัด ที่ดำเนินการภายใต้การบำบัดทางฮอร์โมนที่เหมาะสมเพื่อให้มีโอกาสสำเร็จมากที่สุด

ข้อเสนอนี้อ้างอิงจากทฤษฎีที่เสนอโดยแพทย์ชาวอิสราเอล โรซาลี เบอร์ (Rosalie Ber) ในปี 2000 ที่ระบุว่า ร่างกายของผู้ป่วยหญิงที่มีภาวะสมองตาย หรืออยู่ในสภาพเป็นผัก สามารถนำ ‘ร่างกายทั้งหมด’ มาใช้ตั้งครรภ์ได้ โดยต้องเป็นผู้ที่แจ้งความจำนงด้วยความสมัครใจไว้ก่อน

สภาพผักเป็นภาวะที่ผู้ป่วยไม่แสดงสัญญาณการรับรู้หรือสื่อสารได้ แต่เนื่องจากก้านสมองไม่ได้รับผลกระทบ ผู้ป่วยในสภาพผักอาจจะหายใจได้เอง หรือแสดงความสำนึกรู้ออกมาในบางลักษณะ เช่น ลืมตา หรือแสดงสีหน้า แต่สมองตายหมายถึงการที่ระบบประสาทเสียหายทั้งหมด อันเนื่องมาจากการบาดเจ็บรุนแรง ผู้ป่วยที่สมองตายจะไม่ตอบสนอง หรือไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง ในทางกฎหมาย สมองตายจึงถือว่าเสียชีวิตแล้ว

ตามทฤษฎีของสมาจเดอร์ ผู้หญิงที่อยู่ในสภาพผักหรือสมองตายอาจจะถูกเก็บไว้ให้มีชีวิตต่อ ตราบใดที่สามารถใช้ตั้งครรภ์ได้ แบบเดียวกับการบริจาคอวัยวะอื่นๆ ที่การเก็บรักษาร่างกายของผู้ป่วยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เพื่อรักษาอวัยวะไว้บริจาคในเวลาที่เหมาะสม

สมาจเดอร์ยังเห็นว่า ผู้ป่วยสมองตายเพศชายก็อาจจะสามารถนำมาใช้ตั้งครรภ์ได้ หากว่ามีผู้บริจาคเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้อธิบายว่าจะเป็นไปได้อย่างไร

ขณะที่นักสิทธิสตรีหลายคนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ มองว่าเป็นความสูญสลายทางศีลธรรมของสังคม ควรต้องหาทางยุติแนวคิดการละเมิดผู้หญิงแบบนี้




Share article
  • Line
  • link

ไทยรัฐออนไลน์ ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)

ยอมรับ
Thailand Web Stat