กบฏ ‘วากเนอร์กรุ๊ป’ จบแล้ว ปฏิบัติการ ‘กอบกู้ชื่อเสียงปูติน’ เพิ่งเริ่ม
...
LATEST
Summary
- การยึดอำนาจที่จบอย่างงงๆ เมื่อ เยฟเกนี ปริโกซิน หัวหน้าหน่วยทหารรับจ้างทรงอิทธิพลของรัสเซีย ‘วากเนอร์กรุ๊ป’ ล่าสุด มีรายงานว่า หัวหน้าวากเนอร์กรุ๊ปอยู่ในประเทศเบลารุสตั้งแต่คืนวันอังคาร
- ผ่านมาแล้วสองวัน ทว่าสถานการณ์ยังคงคุกรุ่น แม้ทางการรัสเซียจะไม่ดำเนินคดีอาญากับผู้นำการก่อกบฏ แต่ไม่อาจมีอะไรการันตีความปลอดภัยให้กับผู้นำวากเนอร์กรุ๊ปในดินแดนมิตรของผู้นำรัสเซีย
- ขณะที่ NATO กล่าวว่า เหตุการณ์ในรัสเซียสะท้อนความอ่อนแอของผู้นำและความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ แต่ยืนยันจะไม่แทรกแซง เพราะเป็นเรื่องภายในของรัสเซีย
...
เป็นการยึดอำนาจที่จบอย่างงงๆ เมื่อ เยฟเกนี ปริโกซิน หัวหน้าหน่วยทหารรับจ้างทรงอิทธิพลของรัสเซีย ‘วากเนอร์กรุ๊ป’ (Wagner Group) ประกาศยุติการยึดอำนาจในค่ำวันเสาร์ หลังจาก อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ผู้นำเบลารุส เข้ามาเป็นตัวกลางเจรจา ประกาศนิรโทษกรรมและให้ที่หลบภัย ล่าสุด ผู้นำเบลารุส กล่าวว่า หัวหน้าวากเนอร์กรุ๊ปอยู่ในประเทศเบลารุสตั้งแต่คืนวันอังคาร
ผ่านมาแล้วสองวัน ทว่าสถานการณ์ยังคงคุกรุ่น แม้ทางการรัสเซียจะไม่ดำเนินคดีอาญากับผู้นำการก่อกบฏ แต่ไม่อาจมีอะไรการันตีความปลอดภัยให้กับผู้นำวากเนอร์กรุ๊ปในดินแดนมิตรของผู้นำรัสเซียได้
ขณะที่ NATO กล่าวว่า เหตุการณ์ในรัสเซียสะท้อนความอ่อนแอของผู้นำและความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ แต่ยืนยันจะไม่แทรกแซง เพราะเป็นเรื่องภายในของรัสเซีย
สรุปความคืบหน้าล่าสุด และพยายามหาคำตอบสำคัญว่า เส้นทางอำนาจของผู้นำสูงสุดที่ดำเนินมา 23 ปี จะสะดุดลงตรงนี้หรือไม่?
วันจันทร์
เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการ NATO กล่าวว่า การก่อกบฏของวากเนอร์กรุ๊ปที่ถูกยกเลิกไปแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของผู้นำรัสเซีย และเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญในการทำสงครามกับยูเครน
“เหตุการณ์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นเรื่องภายในของรัสเซีย และยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ ตั้งแต่ที่ประธานาธิบดี (วลาดิเมียร์) ปูตินผนวกไครเมียอย่างผิดกฎหมาย และการทำสงครามกับยูเครน” สโตลเทนเบิร์กกล่าว
“แน่นอนว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอ” เขา กล่าวเสริม “ยังแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของระบอบการปกครองของรัสเซีย แต่นาโตจะไม่แทรกแซงในประเด็นเหล่านั้น เพราะเป็นเรื่องภายในของรัสเซีย”
สโตลเทนเบิร์ก กล่าวว่า นาโตติดตามสถานการณ์ในเบลารุส และประณามการประกาศของทางการรัสเซียที่จะติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ที่นั่นอีกครั้ง
“เราไม่เห็นข้อบ่งชี้ใดๆ ว่ารัสเซียกำลังเตรียมใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่นาโตยังคงเฝ้าระวัง” เขา กล่าว พร้อมเสริมว่าการป้องปรามของนาโตนั้นแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้ประชาชนปลอดภัยใน ‘โลกที่อันตรายมากขึ้น’
ขณะเดียวกัน สโตลเทนเบิร์กให้ความมั่นใจกับทางการยูเครนถึงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และเขาอยู่ที่ลิทัวเนียเพื่อเข้าร่วมการฝึกซ้อม และทดสอบการเสริมกำลังอย่างรวดเร็วของกลุ่มสมาชิกนาโตที่นำโดยเยอรมนี เป็นหน่วยกำลังเสริมจำนวน 5,000 นาย ซึ่งจะบังคับใช้ในกรณีที่สถานการณ์ตึงเครียดสูงขึ้น หรือชาติสมาชิกเกิดความขัดแย้งกับรัสเซีย
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กล่าวว่า ได้พูดคุยกับ ‘พันธมิตรสำคัญ’ หลังจากเกิดเหตุการณ์ และต่างเห็นพ้องกันว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำให้ประธานาธิบดีรัสเซีย “ไม่มีข้อแก้ตัวที่จะโทษว่าเป็นการกระทำของตะวันตก”
“เราชี้แจงชัดเจนว่าเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นี่เป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ภายในระบบของรัสเซีย” ไบเดน กล่าว
ขณะที่จีนมองข้ามการจลาจลของวากเนอร์กรุ๊ป และสื่อในจีนอธิบายว่านี่คือ ‘ภาพลวงตา’ จากฝีมือของตะวันตก
กระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวว่า พวกเขาสนับสนุนรัสเซียในการรักษาเสถียรภาพของประเทศ โดยไม่มีการกล่าวถึงความเป็นผู้นำของปูตินอย่างชัดเจน
ในการปรากฏตัวอีกครั้งนับตั้งแต่เกิดความวุ่นวายช่วงสุดสัปดาห์ ประธานาธิบดีปูติน กล่าวปราศรัยต่อบรรดาวิศวกรที่เข้าร่วมงานประชุมอุตสาหกรรม ซึ่งผู้นำรัสเซียยกย่องอย่างฟุ่มเฟือยต่อการมีส่วนร่วมของเหล่าวิศวกรต่อเศรษฐกิจรัสเซีย และนายกรัฐมนตรี มิคาอิล มิชูสติน ขอให้พวกเขาสามัคคีกันเพื่อสนับสนุนปูติน
ซาราห์ เรนส์ฟอร์ด ผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคยุโรปตะวันออกของ BBC กล่าวว่า ปฏิบัติการ ‘กอบกู้ชื่อเสียงปูติน’ กำลังดำเนินไปอย่างเต็มกำลัง
ขณะที่หัวหน้าวากเนอร์กรุ๊ปให้เหตุผลว่า การก่อจลาจลช่วงสั้นๆ ของพวกเขาเป็นการตอบสนองแผนการของรัฐบาลที่จะเข้าควบคุมวากเนอร์กรุ๊ปโดยตรง
เป้าหมายของวากเนอร์กรุ๊ปคือ “หลีกเลี่ยงการทำลายวากเนอร์กรุ๊ป” ข้อความแรกจากปริโกซินนับตั้งแต่การก่อจลาจลเมื่อวันเสาร์
เยฟเกนี ปริโกซิน
ในข้อความเสียงความยาว 11 นาทีทางเทเลแกรม ปริโกซิน กล่าวว่า เมื่อประกาศว่ากองทหารของเขาจะเดินหน้าไปยังกรุงมอสโก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไม่ได้มีเป้าหมายที่ประธานาธิบดีปูติน และไม่มีความปรารถนาที่จะโค่นล้มระบอบการปกครอง
เขากล่าวว่า วากเนอร์กรุ๊ปพยายาม “รับผิดชอบต่อผู้คนที่ทำผิดพลาดจำนวนมากระหว่างปฏิบัติการพิเศษทางทหาร (ในยูเครน) ด้วยการกระทำที่ไม่เป็นมืออาชีพ” แม้จะอยู่ข้างเดียวกับกองทัพรัสเซีย แต่ปริโกซินก็วิพากษ์วิจารณ์ยุทธวิธีการสู้รบในสงครามมาโดยตลอด
ทางการรัสเซียยืนยันว่าจะรวมวากเนอร์กรุ๊ปเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ แต่วากเนอร์กรุ๊ปยังคงเปิดรับสมัครทหารรับจ้างเข้าประจำการในหน่วยของตนอย่างเปิดเผยเพื่อ ‘ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร’ ของรัสเซียในยูเครน
ประกาศในช่องเทเลแกรมของวากเนอร์กรุ๊ป เสนอรายได้ของทหารรับจ้างขั้นต่ำที่ 240,000 รูเบิลต่อเดือน (2,843 ดอลลาร์ หรือราว 100,000 บาท) สำหรับชาวรัสเซียส่วนใหญ่นี่คือโชค โดยเฉพาะในพื้นที่ยากจน รายชื่อศูนย์ของวากเนอร์ปรากฏทั่วรัสเซีย โดยศูนย์หลักตั้งอยู่ที่มอลกิน (Molkin) ทางตอนใต้สุด
สำนักข่าว TASS ของรัสเซีย รายงานว่า ในเมืองโนโวซีบีร์สค์ทางตะวันออกของไซบีเรียก็กำลังสรรหาทหารรับจ้างเช่นกัน สำนักงานวากเนอร์กรุ๊ปปิดทำการไปเมื่อวันเสาร์ แต่ในวันจันทร์ ป้ายแบนเนอร์ของสำนักงานกลับมาตั้งที่เดิมอีกครั้ง
วากเนอร์กรุ๊ปคือเครื่องมือสำคัญที่ส่งเสริมความทะเยอทะยานของผู้นำรัสเซียในการฟื้นฟูอิทธิพลในระดับโลกของรัสเซีย
เวลาประมาณ 22.10 น. ปูตินยืนยันในแถลงการณ์ว่านักบินของกองทัพรัสเซียเสียชีวิตจากการปะทะกับกองทหารวากเนอร์กรุ๊ประหว่างการก่อจลาจล
เขายังเสนอ 3 ทางเลือกให้กับทหารของวากเนอร์กรุ๊ปว่าสามารถเข้าร่วมกองทัพรัสเซีย กลับบ้าน หรือไปเบลารุส
วันอังคาร
ช่วงเช้า ปูตินกล่าวถึงกองทัพรัสเซียว่า พวกเขา ‘ยุติสงครามกลางเมือง’ จากการก่อกบฏของวากเนอร์กรุ๊ป
เขาเคยกล่าวระหว่างการประชุมผู้นำระดับสูงว่า ในปี 2022-2023 รัฐรัสเซียสนับสนุนงบให้แก่วากเนอร์กรุ๊ปไปแล้วกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์
เมื่อเวลา 08.00 น. มีรายงานว่า เครื่องบินที่เชื่อมโยงกับหัวหน้าวากเนอร์กรุ๊ปลงจอดที่ฐานทัพอากาศเบลารุส ชานกรุงมินสก์ เมืองหลวงของเบลารุส
สื่อทางการของรัสเซียสามแห่งอ้างอิงข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองรัสเซีย (FSB) ว่าข้อกล่าวหาในคดีอาญาถูกยกฟ้อง โดยสำนักข่าว RIA รายงานว่า เนื่องจาก “ผู้เข้าร่วมได้ยุติการกระทำที่มุ่งเป้าไปสู่การก่ออาชญากรรมโดยตรง” แต่ปริโกซินยังต้องถูกสอบสวนในข้อหากบฏ
เวลาประมาณ 21.00 น. อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุส ระบุว่า หัวหน้าวากเนอร์กรุ๊ปอยู่ในเบลารุส แต่ยังไม่ปรากฏภาพถ่าย หรือประกาศใดๆ จากปริโกซิน
รัฐประหารที่จบแบบงงๆ และอนาคตผู้นำรัสเซีย
“โดยทั่วไปแล้ว ตอนนี้ไม่มี ‘การกบฏ’ แต่มีการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่ว่าจะจบลงหรือไม่ก็ตาม เราจะทราบในไม่ช้า” อิกอร์ เกอร์กิน (Igor Girkin) อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของรัสเซียที่ต่อสู้ในช่วงปีแรกๆ ของความขัดแย้งทางตะวันออกของยูเครน เรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า รัฐประหาร
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารโพสต์ในเทเลแกรมเมื่อวันเสาร์ว่า การกระทำของปริโกซินเข้านิยามของการกบฏเกือบสมบูรณ์แบบ ในถ้อยแถลงทางโทรทัศน์ของปูตินเองก็ได้อธิบายว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกบฏ หรือการก่อจลาจล
ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองตะวันตกมองว่า การโจมตีครั้งแรกในตำแหน่งของรัสเซียเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ เพราะ “ไม่มีใครคิดว่า (ปริโกซิน) จะมีส่วนร่วมกับกองทัพรัสเซียในดินแดนของรัสเซียจริงๆ” และเสริมว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็น “การทรยศ ซึ่งดูเหมือนเขายังไม่มีพลังเพียงพอจะทำได้”
เดิมพันรอบนี้สูง ไม่เพียงสำหรับปูตินและระบอบการปกครองของเขาเท่านั้น แต่รวมถึงฝั่งปริโกซินและกองกำลังของเขา ซึ่งน่าจะวางแผนปฏิบัติการนี้มาระยะหนึ่งแล้ว
สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า หน่วยสอดแนมของสหรัฐฯ ได้รับข้อมูลที่บ่งชี้ว่าผู้นำวากเนอร์กรุ๊ปวางแผนที่จะดำเนินการกับผู้นำทางทหารของรัสเซียตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายน
ข้อตกลงที่เกิดขึ้นเพื่อแลกกับการถอนกำลังทหารของวากเนอร์กรุ๊ป คือยกเลิกการตั้งข้อหาทางอาญาต่อปริโกซิน และจะไม่ดำเนินคดีกับกองทหารวากเนอร์กรุ๊ป แต่มีรายงานว่า ข้อหากบฏของผู้นำทหารรับจ้างคนนี้ไม่ได้ถูกยกเลิกไปด้วย
ทำให้ต้องจับตาต่อไปว่า อนาคตของใครจะจบก่อนกัน ระหว่างผู้นำหน่วยทหารรับจ้างทรงอิทธิพล กับผู้นำสูงสุดที่ครองอำนาจในรัสเซียมานานกว่าสองทศวรรษ
เยฟเกนี ปริโกซิน: ผู้กล้าหรือคนทรยศ?
คลิปวิดีโอที่ทำให้คนทั่วโลกเริ่มสนใจความแตกร้าวภายในกองทัพรัสเซีย และผู้นำระดับสูง คือเมื่อหัวหน้าหน่วยทหารรับจ้างอย่างวากเนอร์กรุ๊ป วิพากษ์ความผิดพลาดด้านยุทธวิธี เมื่อ 8 พฤษภาคม พร้อมขู่จะถอนทหารจากแนวหน้าที่บักห์มุต
ทำความรู้จัก เยฟเกนี ปริโกซิน ที่ได้ชื่อว่าภักดีต่อผู้นำรัสเซีย และรู้จักกับปูตินมากกว่า 30 ปี
เมื่อปี 1981 ปริโกซินถูกจำคุกด้วยข้อหาลักทรัพย์และขโมย เมื่อได้รับการปล่อยตัวในปี 1990 เขาทำงานเป็นตัวแทนจำหน่ายฮอตด็อกอยู่ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
ปริโกซินเปิดร้านอาหารหรูเมื่อปี 1997 และชนะประมูลในสัญญากับทางการรัสเซีย ทำให้เขามีโอกาสเตรียมอาหารต้อนรับผู้นำต่างประเทศ รวมถึงได้เสิร์ฟอาหารให้บุคคลสำคัญด้วยตัวเอง เช่น จอร์จ ดับเบิลยู. บุช เมื่อปี 2006
ช่วงปี 2010 ปรากฏภาพผู้นำรัสเซียกับปริโกซิน ในโรงงานผลิตอาหารมื้อกลางวันให้กับโรงเรียน และปีถัดมาเขาก็ได้เสิร์ฟอาหารให้กับปูตินด้วยตัวเอง
ฉายา ‘เชฟของปูติน’ ไม่ได้ดูแลเฉพาะอาหารของท่านผู้นำและอาคันตุกะเท่านั้น เขายังได้ดูแลอาหารสำหรับกองทัพ สัญญากับทางการในโครงการใหญ่ๆ ทำให้ปริโกซินเข้าใกล้กองทัพรัสเซียมากยิ่งขึ้น
และในปี 2014 หลังจากรัสเซียบุกยูเครนและผนวกไครเมีย ก็เป็นจุดกำเนิดของกองพันทหารผู้รักชาติที่ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 1 พฤษภาคม และต่อมาได้ชื่อว่า วากเนอร์
ก่อนที่ปริโกซินจะยอมรับอย่างภูมิใจเมื่อปีที่แล้ว เขาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับวากเนอร์กรุ๊ปมาโดยตลอด
กบฏวากเนอร์กรุ๊ปอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น?
แจ็ก วัตลิง นักวิจัยอาวุโสจากหน่วยงานป้องกันและรักษาความปลอดภัยของอังกฤษ (Royal United Services Institute: RUSI) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยด้านความมั่นคง เสนอว่า การตีกรอบเหตุการณ์ในวันที่ 23-24 มิถุนายนว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างบริษัททหารเอกชนและรัฐรัสเซียนั้น เป็นการแบ่งขั้วที่ผิด
วากเนอร์กรุ๊ปก่อตั้งขึ้นในฐานะกองพันอาสาสมัครในปี 2014 เพื่อสู้รบในดอนบาส และได้กลายเป็นวิธีการที่รัฐรัสเซียสามารถส่งกองกำลังไปทั่วโลกโดยไม่ต้องมอบอำนาจให้กองทัพรัสเซีย เพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ หรือเพื่อจัดการปัญหาทางการเมือง
กรณีการรุกรานยูเครน วากเนอร์กรุ๊ปกลายเป็นกองทหารกึ่งมืออาชีพซึ่งสามารถสร้างหน่วยที่มีความสามารถมากกว่ากองทัพทั่วไป ทั้งยังได้รับอนุญาตจากกระทรวงยุติธรรมให้คัดเลือกทหารจากเรือนจำได้
เกือบทุกแง่มุมของกิจกรรมของวากเนอร์กรุ๊ป ผสานเข้ากับองคาพยพต่างๆ ของรัฐรัสเซียอย่างใกล้ชิด บุคลากรจำนวนมากยังอยู่ในหน่วยรบพิเศษของกองทัพรัสเซียด้วย
เป็นเรื่องที่เหมาะเจาะที่ปูตินอ้างถึงเหตุการณ์ในปี 1917 เพื่อประณามการกระทำของวากเนอร์ ที่สำคัญคือต้องไตร่ตรองถึงขอบเขตที่ความเสื่อมโทรมของกองทัพรัสเซียในปีนั้นส่งผลให้เกิดการกบฏ การเจรจา และการแยกส่วนภายในกองบัญชาการของรัสเซีย
“การล่มสลายในปี 1917 เริ่มต้นที่ด่านหน้าและใช้เวลาพัฒนาหลายเดือน เป็นเรื่องน่าสนใจที่จะติดตามว่าความต้องการใดจะออกมาจากส่วนอื่นๆ ของกองกำลังรัสเซียอีกบ้างในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้าหลังจากกรณีของวากเนอร์กรุ๊ป” วัตลิง ตั้งข้อสังเกต
อ้างอิง: reuters.com, politico.com, aljazeera.com, rferl.org, edition.cnn.com, bbc.com[1], bbc.com[2], rusi.org
