Humberger Menu

อาหรับสปริง ที่ซีเรีย

เหตุการณ์โค่นล้มรัฐบาลเผด็จการซีเรียสำเร็จแบบสายฟ้าแลบเมื่อวันอาทิตย์ส่งผลสะเทือนไปทั่วโลก มีผู้เสียชีวิตกว่า 500,000 รายจากสงครามกลางเมืองซีเรียอันยาวนานกว่า 13 ปี ประชาชนนับล้านต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ

เมื่อวันพุธที่แล้ว กลุ่มอิสลามติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ฮายัต ทาห์รีร์ อัลชาม (Hayat Tahrir al-Sham: HTS) ร่วมกับพันธมิตร ได้บุกยึดพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศได้สำเร็จ

หลังจากบุกยึดเมืองอเลปโป เมืองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ พวกเขาได้เดินขบวนลงมาทางใต้ ผ่านถนนสายหลักมุ่งหน้าสู่กรุงดามัสกัส ขณะที่กองทัพซีเรียระส่ำระสาย

ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ อาบู มุฮัมมัด อัลจาวลานี ผู้นำกลุ่ม HTS ประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐว่า “ระบอบการปกครองของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ถูกโค่นล้มลงแล้ว” 

ประชาชนทำลายรูปของ บาชาร์ อัล-อัสซาด

กองกำลังบุกเข้ายึดกรุงดามัสกัสและปล่อยนักโทษที่ถูกรัฐบาล ‘ควบคุมตัวอย่างไม่เป็นธรรม’ ขณะที่ประธานาธิบดีอัสซาดหลบหนีออกนอกประเทศ และได้สถานะผู้ลี้ภัยในรัสเซีย

เมื่อวันอาทิตย์คงเป็นค่ำคืนที่ชาวซีเรียทั้งในและนอกประเทศปลื้มใจจนหลับไม่ลง แต่หลังจากนี้ยังต้องจับตาดูว่า ซีเรียในยุคหลังอัสซาดจะเป็นอย่างไร เมื่ออาหรับสปริง (Arab Spring) หวนกลับมาเยือนตะวันออกกลางอีกครั้ง แม้จะช้าไป 13 ปีก็ตาม

สรุปสถานการณ์โค่นเผด็จการซีเรีย

  • 16.00 น. วันอาทิตย์ (20.00 น. ตามเวลาไทย) กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียประกาศหลังจากเข้ายึดกรุงดามัสกัสว่า สามารถโค่นล้มประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด หลังจากสงครามกลางเมืองยาวนานกว่า 13 ปี
  • ขณะนี้อดีตประธานาธิบดีซีเรียอยู่ในรัสเซีย ตามรายงานของแหล่งข่าวรัสเซีย โดยได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยด้วย ‘เหตุผลด้านมนุษยธรรม’
  • บ่ายวันจันทร์ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาตินัดประชุมฉุกเฉินเป็นการภายในเพื่อหารือกรณีซีเรีย หลังจากอดีตประธานาธิบดีหลบหนีออกนอกประเทศ
  • องค์กรสิทธิมนุษยชนประเมินว่า ตั้งแต่ปี 2011 มีผู้สูญหายหรือถูกบังคับสูญหายโดยรัฐในเรือนจำอย่างน้อย 100,000 คน รวมถึงเรือนจำทหารแซดนายา (Saydnaya) ทางเหนือของเมืองหลวง ที่ขึ้นชื่อเรื่องการทรมานอันโหดเหี้ยมและลดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีภาพถ่ายดาวเทียมระบุตำแหน่งเตาเผาศพที่สร้างใหม่เมื่อปี 2017
  • เตาเผาศพดังกล่าวถูกทำลายเมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ พร้อมกับการปลดปล่อยนักโทษในเรือนจำ มีผู้หญิงและเด็กถูกคุมขังด้วย แต่มีรายงานว่า ยังไม่สามารถเข้าถึงห้องขังใต้ดินที่มีนักโทษอีกหลายพันคนได้

ฝ่ายต่อต้านบุกเรือนจำแซดนายา

  • กลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียให้ข้อมูลว่า กองกำลังเข้ายึดพื้นที่เมืองโดยส่วนใหญ่ และการปะทะกันทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 ราย ประกอบด้วยกลุ่มกบฏที่เป็นพันธมิตรกับตุรกี 9 ราย และสมาชิกกองกำลังทหารมานบิจ (Manbij) อีก 17 ราย
  • ผู้นำกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) ที่ยึดครองมานบิจคือ YPG (People's Protection Units) กลุ่มชาวเคิร์ดที่ตุรกีถือว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่มีความใกล้ชิดกับขบวนการเรียกร้องเอกราชของพรรค PKK ซึ่งเป็นกลุ่มนอกกฎหมายในตุรกี
  • สหรัฐฯ ระบุว่า PKK เป็นกลุ่มก่อการร้ายเช่นกัน แต่กลุ่มนักรบชาวเคิร์ดในอิรักและซีเรียก็เป็นพันธมิตรสำคัญในภารกิจที่สหรัฐฯ เป็นผู้นำในการกำจัดไอซิส (ISIS) ออกจากพื้นที่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
  • หลายปีที่ผ่านมา ทหารซีเรียได้เปิดเผยข้อมูลบนเฟซบุ๊กเกี่ยวกับผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่การรับสินบน สั่งให้ทหารชั้นผู้น้อยปล้นสะดม ไปจนถึงขโมยเสบียงหรืออยู่ในอาการมึนเมาขณะปฏิบัติหน้าที่

ใครเป็นใครในซีเรีย

เมื่ออัสซาดก้าวขึ้นสู่อำนาจเมื่อปี 2000 ต่อจาก ฮาเฟซ อัล-อัสซาด พ่อของเขาซึ่งเป็นผู้นำคนก่อน ตอนแรกมีการคาดหมายว่าอัสซาดไม่น่าดำเนินแนวทางแบบเดิมๆ

แต่หลังจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ปะทุขึ้นเป็นสงครามกลางเมืองในเดือนมีนาคม 2011 ตัวเลขผู้เสียชีวิตและถูกทำให้สูญหายโดยรัฐอย่างน้อย 580,000 รายในช่วงทศวรรษแรกของสงคราม จากการประมาณการโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติ น่าจะพอยืนยันได้ว่าทั้งสองอาจไม่แตกต่างกัน

บาชาร์ อัล-อัสซาด

ระบอบอัสซาดที่ยาวนาน 24 ปีเพิ่งจบสิ้นลงจากความร่วมมือของพันธมิตรต่อต้านรัฐบาลอย่างน้อย 3 กลุ่ม ทว่าหากนับรวมตั้งแต่ยุคฮาเฟซเมื่อปี 1971 เท่ากับว่าประชาชนซีเรียต้องทนการกดขี่มานานกว่า 50 ปี


ผู้เล่นหลัก

รัฐบาลซีเรีย (อัสซาด)

สถานะ: ถูกโค่นล้ม

ผู้สนับสนุน: รัสเซีย อิหร่าน กลุ่มฮิซบอลเลาะห์

พันธมิตรต่อต้านรัฐบาลซีเรีย

สถานะ: ยึดเมืองหลวง ประกาศโค่นระบอบอัสซาด

  • กลุ่มฮายัต ทาห์รีร์ อัลชาม (HTS)
  • กองทัพแห่งชาติซีเรีย (Syrian National Army: SNA) หรือที่รู้จักในชื่อ Turkish-backed Free Syrian Army (TFSA) เดิมคือ กองทัพปลดปล่อยซีเรีย (Free Syrian Army: FSA)

ผู้สนับสนุน: ตุรกี

  • กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (Syrian Democratic Forces: SDF)

ผู้สนับสนุน: สหรัฐฯ

ตุรกีมองกลุ่มนี้เป็นศัตรู เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับกองกำลังชาวเคิร์ด PKK ที่ผิดกฎหมายในตุรกีและกาตาร์

กลุ่มรัฐอิสลาม (Islamic State of Iraq and the Levant: ISIL 

หรือ Islamic State of Iraq and Syria: ISIS และ IS กลุ่มติดอาวุธสุดโต่งที่มีแนวคิดในการสร้างรัฐอิสลาม ศัตรูหลักคือกองกำลังที่สหรัฐฯ สนับสนุนอย่าง SDF

สถานะ: เสียผู้นำเมื่อเดือนเมษายน 2023 จากปฏิบัติการของหน่วยข่าวกรองตุรกี และประกาศตั้งผู้นำคนใหม่ในเดือนสิงหาคม

กองกำลัง HTS

“อนาคตเป็นของเรา” อาบู มุฮัมมัด อัลจาวลานี (Abu Mohammed al-Jawlani) หัวหน้ากลุ่ม HTS วัย 42 ปี กองกำลังต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ที่ยุคก่อตั้งเคยมีความสัมพันธ์กับอัลกออิดะห์ กล่าวกับผู้สนับสนุนที่มัสยิดในกรุงดามัสกัส

กลุ่มพันธมิตรหลักที่ร่วมกันโค่นเผด็จการอัสซาดคือ HTS, TFSA และ DSF โดยกลุ่มที่มีอิทธิพลมากที่สุดในซีเรียคือ HTS แต่ยังต้องแข่งขันเพื่อแย่งชิงอิทธิพลกับกลุ่ม SNA/TFSA ทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วยกัน ที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี ส่วนทางตะวันออกเฉียงเหนือคือกลุ่ม SDF ที่สหรัฐฯ สนับสนุน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ด ก็ได้ครองพื้นที่เพิ่มขึ้น

ส่วนทางใต้มีกลุ่มกบฏจำนวนมากในพื้นที่ รวมถึงกองกำลังติดอาวุธที่นำโดยชนกลุ่มน้อยชาวดรูซ (Druze) ซึ่งไม่ถูกนับว่าเป็นกลุ่มอิสลาม

มหาอำนาจผู้เกี่ยวข้อง

รัสเซีย

เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า ซีเรียคือพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดของรัสเซียในแถบตะวันออกกลาง เมื่อวันอาทิตย์ สื่อรัสเซียรายงานว่า อดีตประธานาธิบดีอัสซาดอยู่ที่กรุงมอสโก และได้รับสถานะผู้ลี้ภัย

ระหว่างสงครามกลางเมือง รัสเซียใช้ฐานทัพอากาศซีเรียสังหารชาวซีเรียหลายพันคนที่ต่อต้านรัฐบาลอัสซาด ในยุคสงครามเย็นใหม่ ซึ่งรัสเซียแสวงหาการขยายอิทธิพล แนวโน้มที่ทางการรัสเซียอาจสูญเสียการเข้าถึงซีเรียอย่างถาวรจะกลายเป็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ต่อสหรัฐฯ มหาศาล

อิหร่าน

ซีเรียเป็นจุดเชื่อมต่อทางภูมิศาสตร์สำคัญที่ทำให้อิหร่านขนอาวุธและเสบียงอื่นๆ ให้กับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนได้ การโค่นอัสซาดจะทำให้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์อ่อนแอลง เนื่องจากคลังอาวุธของกลุ่มอยู่ในเลบานอนตอนใต้ ทำให้อิหร่านต้องหาทางเข้าสู่ชายแดนอิสราเอลโดยตรง จากนี้อิหร่านอาจต้องชั่งน้ำหนักให้ดีระหว่างการเข้าสู่การเจรจาหรือจะมุ่งไปที่การเพิ่มอาวุธนิวเคลียร์

ตุรกี

สนับสนุนกองกำลัง TFSA ที่เป็นพันธมิตรโค่นล้มระบอบอัสซาด ขณะเดียวกัน กองทัพตุรกียังเปิดฉากโจมตีกองกำลังชาวเคิร์ด SDF ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทางตอนเหนือของซีเรียเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าจุดยืนของตุรกีและสหรัฐฯ แตกต่างกันสิ้นเชิงในเรื่องการสนับสนุนชาวเคิร์ด ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในการต่อสู้กับกลุ่ม IS

สหรัฐอเมริกา

สหรัฐฯ ยังคงมุ่งทำลายล้างกลุ่ม IS โดยมีทหาร 900 นายประจำอยู่ทางตะวันออกของซีเรีย

รัฐบาลโจ ไบเดน ไม่ต้องการให้กลุ่ม IS กลับมามีอำนาจอีกครั้ง แต่ไบเดนเหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งอีกเพียง 6 สัปดาห์ก่อนเข้าสู่สมัยของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่แสดงท่าทีไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวในซีเรีย

หากรัสเซียถูกขับออกจากฐานทัพเรือที่ทาร์ทัส ซึ่งเป็นท่าเรือเพียงแห่งเดียวในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่เป็นจุดซ่อมบำรุงและสนับสนุนเรือรบรัสเซีย ย่อมเป็นผลประโยชน์อย่างมากต่อสหรัฐฯ

อิสราเอล

กองกำลังภาคพื้นดินของอิสราเอลเคลื่อนพลผ่านเขตปลอดทหารบริเวณชายแดนอิสราเอล-ซีเรียเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นการเข้าสู่ดินแดนซีเรียอย่างเปิดเผยครั้งแรกของอิสราเอลนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1970 นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวว่า กองทัพอิสราเอลได้เข้ายึดที่มั่นทางทหารที่กองทัพซีเรียละทิ้ง แต่เป็นไปเพียงชั่วคราวและเพื่อการป้องกัน

13 ปี อาหรับสปริง

จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2010 ที่ตูนิเซีย มูฮัมหมัด บูอาซีซี ต้องลาออกจากการเรียน ด้วยสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่ไม่เอื้อต่อการเริ่มต้นใช้ชีวิต เขาจึงต้องมาเข็นรถขายผักผลไม้เพื่อช่วยเหลือครอบครัว แต่ต้องถูกตำรวจหญิงหมิ่นหยามและตบหน้า ยึดรถขายผลไม้ ปรับเงินเพราะไม่มีใบอนุญาต บูอาซีซี วัย 26 ปี เผาตัวเอง ที่เมืองซิดีบูซิด เมื่อ 17 ธันวาคม 2010 ก่อนที่จะเสียชีวิตในวันที่ 4 มกราคม 2011 การเผาตัวเองของบูอาซีซีลุกลามสู่ ‘การปฏิวัติดอกมะลิ’ (Jasmine Revolution) และลุกลามไปทั่วดินแดนอาหรับ กลายเป็น ‘อาหรับสปริง’ (Arab Spring) โดยมีโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือกระจายข่าวสารและระดมมวลชน

ตูนิเชีย: 14 มกราคม 2011

รัฐบาลถูกโค่นล้ม ประธานาธิบดี ไซน์ เอล อาบีดีน เบน-อาลี แห่งตูนิเซีย ที่อยู่ในอำนาจมา 23 ปี ต้องหลบหนีไปยังซาอุดีอาระเบีย

อียิปต์: 25 มกราคม 2011

เกิดการชุมนุมใหญ่ ณ จัตุรัสทาห์รีร์ ขับไล่ประธานาธิบดี ฮอสนี มูบารัก ที่ครองอำนาจเกือบ 30 ปีสำเร็จ

เยเมน: 27 มกราคม 2011

เกิดขึ้นตามหลังอียิปต์ และสามารถล้ม อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งมา 22 ปีได้สำเร็จ

ลิเบีย: 17 กุมภาพันธ์ 2011

การชุมนุมใหญ่เกิดขึ้นทางตะวันออกของลิเบีย นำไปสู่การโค่นอำนาจและสังหาร นายพล มูอัมมาร์ กัดดาฟี ที่ครองอำนาจยาวนานถึง 42 ปี

ซีเรีย: 15 มีนาคม 2011

เกิดการชุมนุมใหญ่ที่กรุงดามัสกัส และเมืองอื่นๆ แต่การลุกฮือของประชาชนซีเรียไม่สามารถโค่น บาชาร์ อัล-อัสซาด ได้ นำไปสู่สงครามกลางเมืองนานกว่าทศวรรษ และเกิดตัวละครใหม่ คือกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) และคลื่นอพยพของผู้ลี้ภัยจำนวนมหาศาล ที่กลายมาเป็นปัญหาของเหล่าชาติตะวันตกในเวลาต่อมา และอาหรับสปริงที่ซีเรียก็เพิ่งประสบความเร็จในการโค่นผู้นำเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2024


อย่างไรก็ตาม กล่าวกันว่าอาหรับสปริงเป็นการลุกฮือของประชาชนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงได้มหาศาล แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นอยู่เพียงชั่วคราว บางประเทศกลายเป็นรัฐล้มเหลว’ (failed state) บางประเทศกลับเข้าสู่วังวนเผด็จการ ไม่เปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง

ซีเรียคือตัวอย่างของกรณีพังพินาศที่สุด เพราะการชุมนุมกลายเป็นสงครามกลางเมือง เป็นต้นกำเนิดของคลื่นผู้อพยพนับล้านทั่วโลก และเป็นจุดเริ่มต้นของขบวนการรัฐอิสลาม หรือ ISIS

อ่านเพิ่มเติมที่: ‘อาหรับสปริง’ การปฏิวัติเปลี่ยนผ่านที่ปลายทางไม่ใช่ประชาธิปไตย

มองไปข้างหน้า สู่ยุคหลังอัสซาด

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม ชาวซีเรียที่อยู่นอกประเทศออกมาร่วมเดินขบวนเฉลิมฉลองพร้อมโบกสะบัดธงชาติ ทั้งในกรีซ อังกฤษ และเดนมาร์ก

ส่วนผู้ลี้ภัยซีเรียในประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบราว 5.5 ล้านคน เฝ้ารอคอยที่จะได้กลับประเทศ ขณะเดียวกันก็กังวลถึงชีวิตใหม่ที่ต้องกลับไปพบเจอ ไม่นับอีกกว่า 7 ล้านคนที่ต้องเป็นผู้ไร้ที่อยู่อาศัยในประเทศบ้านเกิดตนเอง

ธงชาติของฝ่ายรัฐบาลซีเรียถูกทำลาย แทนที่ด้วยธงฝ่ายต่อต้าน เขียว ขาว ดำ

เมื่อขับไล่อัสซาดและปลดปล่อยซีเรียได้สำเร็จ ชาวซีเรียได้หายใจกันเต็มปอดแล้ว ประเทศจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป

โทมัส จูโน ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลาง ภาควิชากิจการสาธารณะและระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยออตตาวา ให้ความเห็นว่า การต่อสู้กับระบอบอัสซาดเป็นกาวที่เชื่อมพันธมิตรโดยพฤตินัยนี้เข้าด้วยกัน

รูปปั้น ฮาเฟซ อัล-อัสซาด ถูกทำลาย

เมื่ออัสซาดออกจากประเทศไปแล้ว ความท้าทายที่เกิดขึ้นหลังจากนี้คือ ความร่วมมือกันระหว่างพันธมิตรกลุ่มต่างๆ จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะกลุ่ม TFSA กับ SDF ที่มีผู้สนับสนุนอยู่คนละค่าย คือตุรกีและสหรัฐฯ ตามลำดับ

อีกทั้งมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มต่อต้านจะขับไล่ทั้งอิหร่านและรัสเซียออกไปด้วยหรือไม่ หรือจะมีการเจรจาหาข้อตกลงกับสองมหาอำนาจที่มีส่วนเข่นฆ่าพวกเขาในสงครามกลางเมืองอันยาวนาน

“ไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น คงไม่เลวร้ายไปกว่าระบอบการปกครองของบาชาร์ อัลอัสซาด” ฮาเชม อัลอัสซูกี (Hashem Alsouki) อดีตข้าราชการชาวซีเรียที่ถูกคุมขังและทรมานในช่วงต้นสงคราม ซึ่งต่อมาได้ลี้ภัยไปยังยุโรป กล่าว

ซีเรียยังต้องจัดการกับสุญญากาศทางอำนาจ และอีกความท้าทายสำคัญคือ ทำอย่างไรจะไม่กลายเป็นรัฐก่อการร้ายหรือเป็นรัฐล้มเหลว เหมือนกับกรณีลิเบีย หลังจาก มูอัมมาร์ กัดดาฟี ถูกปลดจากตำแหน่งและสังหารเมื่อ 13 ปีก่อน

เราคงได้เห็นคำตอบในไม่กี่เดือนหลังจากนี้ ซึ่งมันย่อมกำหนดว่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เมื่อวันอาทิตย์เป็นการปลดปล่อยประชาชนและเริ่มต้นซ่อมสร้างประเทศอีกครั้ง หรือจะเป็นจุดเริ่มต้นของปฏิบัติการทางทหารรอบใหม่กันแน่

Share
สร้างสรรค์โดย
creator
อภิรดา มีเดช