Olivia Dean ศิลปินดาวรุ่งเจ้าของเพลง ‘Dive’ และเสียงทุ้มลึกที่ขับขานถึงห้วงรัก การอกหัก และความไม่สมบูรณ์แบบ

มีบทเพลงไม่มากบนโลกนี้ ที่เรารู้สึกรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง -- ‘Dive’ เพลงฮิตของศิลปินหญิง โอลิเวีย ดีน (Olivia Dean) เป็นเพลงที่เสกมนตราแบบนั้น

แม้ไม่รู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน เพลงดังกล่าวอาจเคยผ่านหูคุณมาแล้วสักครั้ง น้ำสียงทุ้ม-ลึก-นวลที่มีกลิ่นอายการร้องสไตล์แจ๊ซ ในดนตรีโซลและป๊อป ความลื่นไหลยามเธอไต่โน๊ตแต่ละตัว อาจทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่านี่คือเสียงร้องของดีวาผู้คร่ำหวอดในวงการมานานหลายปี ทว่า จริงๆ แล้วเธอเป็นศิลปินที่อายุแค่ 24 ปีเท่านั้น

มนตราของเพลง Dive ทำให้มันกลายเป็นเพลงที่มียอดเข้าชมมิวสิควิดีโอกว่า 4 ล้าน มียอดฟังใน Spotify กว่า 79 ล้านครั้ง และเราจะเห็นคลิปโอลิเวียร้องเพลง Dive ในเวอร์ชันต่างๆ เช่นเวอร์ชันแสดงสด อะคูสติก และสตูดิโอไลฟ์ โดยแต่ละคลิปก็มียอดแตะหลักแสนหลักล้านเกือบทั้งสิ้น 

สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะโอลิเวียเป็นนักร้องที่แสดงได้ยอดเยี่ยม เป็นธรรมชาติ ร้องเพลงด้วยความสุข ชนิดที่ว่าฟังแล้วความสุขมันแผ่มาถึงเรา และอีกส่วนคือเพลงดังกล่าวก็มีคุณภาพครบถ้วน ทั้งดนตรีที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ฟังเพลงจากค่ายโมทาวน์ยุคก่อน และคำร้องที่อธิบายความรู้สึกออกมาได้น่าสนใจ ยกตัวอย่างเช่น

It isn't working. I’m a tidal wave of question marks, 

And you're just surfing, leaning into me like it's an art. 

(มันคงไม่เวิร์กหรอก ฉันน่ะเหมือนกับเกลียวคลื่นแห่งเครื่องหมายคำถามเลย 

แต่เธอก็โต้คลื่นได้เสียอย่างนั้น โน้มเข้าหาฉันราวกับเป็นงานศิลปะเลย)

เพราะแบบนี้ โอลิเวีย ดีน จึงเป็นชื่อหนึ่งที่คนรักดนตรีทั่วโลกจับตา เป็นดาวรุ่งที่กำลังส่องแสงในวงการ และเธอกำลังจะเดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตที่ไทยในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2025 นี้ด้วย 

ก่อนจะได้ฟังเธอร้องเพลงสดๆ ไทยรัฐพลัสจึงอยากพาทุกคนไปรู้จักศิลปินสาวคนนี้ ทั้งเส้นทางกว่าจะมาเป็นศิลปิน และ ‘Messy’ อัลบั้มแรกที่ปล่อยในปี 2023 สัปดาห์เดียวกับที่เธอขึ้นแสดงในเทศกาล Glastonbury อัลบั้มที่เล่าเรื่องราวการโอบรับความไม่สมบูรณ์แบบ การตกหลุมรัก การอกหักเลิกรา และบรรจุตัวตนของเธอไว้อย่างเต็มเปี่ยม

—1—

โอลิเวียดีนเกิดและเติบโตในย่านไฮแฮมส์พาร์ค ของกรุงลอนดอน โดยมีพ่อเป็นชาวอังกฤษ และแม่ที่เป็นลูกครึ่งจาเมกา-กายอานา ในครอบครัวที่ไม่ได้มีสมาชิกคนไหนเป็นเลิศด้านดนตรี เธอกลับรู้ตัวว่าอยากเป็นนักร้องตั้งแต่ยังเด็ก

เธอโตมากับส่วนผสมระหว่างเพลงป๊อปและศิลปินยุคเก่า เธอในวัยเด็กหลงใหล ลิโอนา ลูอิส และใจจดจ่ออยู่กับเพลงป๊อป ขณะที่พ่อของเธอมักเปิดเพลงของศิลปินอเมริกันอย่าง แคโรล คิง และ อัล กรีน ให้ฟัง ส่วนทางฝั่งแม่ก็ถ่ายทอดความชอบใน ลอรีน ฮิลล์ นักร้องและแรปเปอร์ชื่อดังมาให้เธอ -- ส่วนผสมประหลาดๆ ที่ว่ากลายมาเป็นเนื้อตัวของโอลิเวียยามเติบใหญ่ เธอเป็นศิลปินที่ไม่จำกัดตัวเองลงกล่องใด ทั้งยังเล่นสนุกระหว่างดนตรีป๊อปและแนวอื่นๆ เสมอ

แม้โรงเรียนที่เธอศึกษาตอนเด็กจะไม่ได้เป็นโรงเรียนดนตรีโดยเฉพาะ แต่โอลิเวียก็มักจะยืนกรานที่จะร้องเพลงในวันประชุมผู้ปกครอง จนใครๆ ก็ออกอาการ ‘เบื่อ’ ที่เธอเป็นเช่นนั้น นอกจากนี้โอลิเวียยังหันไปเรียนเสริมด้านละครเพลงและการแสดงด้วย

เรื่องตลกอย่างหนึ่งคือ หากใครเห็นเธอแสดงสดในวันนี้ จะเห็นภาพของสาวสวยผมหยิกสยาย แต่งตัวมีสไตล์และขยับตัวเต้นบนเวทีอย่างเป็นเอกลักษณ์ เธอร้องราวกับว่าเวทีคือห้องนอนหรือห้องซ้อมของเธอ แต่ในอดีต โอลิเวียเคยมีอาการตื่นเวทีมาก่อน ถึงขนาดเคยประกวดร้องเพลงโดยหันหลังให้ผู้ชมตลอดทั้งเพลง (แต่ก็ยังคว้ารางวัลที่สองมาได้)

จนอายุ 15 ปี โอลิเวียจึงเข้าเรียนที่ Brit School ในหลักสูตรการละคร เพราะขณะนั้นเธอยังมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนพอที่จะเรียนดนตรี แต่เรียนไปสักสองสามเทอม เธอก็เปลี่ยนสาขาวิชาไปเรียนดนตรีจนได้ และเริ่มแต่งเพลงมากขึ้นนับแต่นั้นมา 

เสน่ห์อย่างหนึ่งงของโอลิเวีย คือเธอยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบเสมอ เธอเริ่มเขียนเพลงจากเปียโนมือสองที่อ้อนวอนให้แม่ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดและคริสต์มาส เธอเป็นนักแต่งเพลงที่มักพูดว่าตัวเองแต่งเพลงห่วยๆ มามาก และเชื่อว่าเพลงดีๆ ก็เริ่มต้นจากศูนย์เช่นนี้แหละ โชคดีที่ผลงานแต่งเพลงของเธอไปถูกใจผู้จัดการคนปัจจุบันในที่สุด เธอจึงเริ่มได้ไปออดิชั่นและร่วมแสดงกับศิลปินรายอื่นๆ มากขึ้น

จนในปี 2019 เธอก็ออกเพลงชื่อ Reason to Stay เพลงบัลลาดมีจังหวะ ที่บรรยายความ ‘ไม่แน่ใจ’ ในความรัก ขณะเดียวกันก็เป็นเพลงที่อบอวลไปด้วยพลังแห่งความรักและเห็นคุณค่าในตัวเอง 

If you say you love me, don't go and waste my time

If you want my love, you better mean it

One of these days if you can't behave

I'm leaving if you leave me no reason

(ถ้าเธอบอกว่ารักฉัน ก็อย่ามาทำให้ฉันเสียเวลา

ถ้าอยากได้ความรักของฉัน เธอต้องหมายความอย่างนั้นจริงๆ ด้วยล่ะ

วันใดวันหนึ่งถ้าเธอทำตัวไม่ดีขึ้นมา

ฉันจะจากเธอไป เมื่อเธอไม่เหลือเหตุผลใดๆ ไว้ให้ฉันอยู่)

ไม่นานหลังจากนั้นโอลิเวียก็ปล่อย EP และซิงเกิลตามมาอีกมากมาย เช่นเพลง OK Love You Bye ซึ่งถูกสตรีมไปหลายล้านครั้ง และทำให้นักร้องสาวได้เซ็นสัญญากับค่าย EMI Records ในเวลาถัดมา โอลิเวียค่อยๆ เติบโตและได้บันทึกพัฒนาการของตัวเองผ่านดนตรีอย่างงดงาม

"คนบางคนเขียนไดอารี่ สำหรับฉันเพลงบันทึกสิ่งต่างๆ ได้กระชับกว่า และในช่วงเวลาเหล่านั้น ฉันก็เติบโตจากการเป็นผู้หญิงที่หลงใหล สิ้นหวัง และอกหัก กลายเป็นคนที่เข้มแข็งอย่างแท้จริง” โอลิเวียกล่าวถึงเส้นทางของเธอ

—2—

ในปี 2023 โอลิเวีย ดีน มาพร้อมกับอัลบั้มเต็มชุดแรกของเธอ ‘Messy’ ดังเช่นชื่อของมัน อัลบั้มดังกล่าวบอกเล่าความ ‘ยุ่งเหยิง’ และประกอบไปด้วยอารมณ์ต่างๆ ที่หลากหลายราวกับเป็นเทศกาลแห่งความรู้สึก อัลบั้มนี้มีทั้งเพลงใหม่ที่แต่งขึ้น และรวบรวมเอาซิงเกิลที่ปล่อยก่อนหน้ามาไว้ด้วยกัน

“ฉันร้องเพลงมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ฉันภูมิใจในตัวเองที่ยังคงซื่อสัตย์ ดื้อรั้น และทำเพลงได้ตรงตามที่ตั้งใจไว้ทุกประการ ฉันรักดนตรีอย่างไม่ลดละ และนั่นช่วยให้ฉันมาถึงจุดนี้ได้” เธอกล่าว

แน่นอน ในอัลบั้มมีเพลงยอดฮิตอย่าง Dive ที่ผู้เขียนได้บรรยายด้วยความรักไปแล้วข้างต้น แต่เพลงอื่นๆ ที่เกี่ยวกับความรักในอัลบั้มนี้ก็น่าสนใจเช่นกัน เพราะมันสะท้อนตัวตนที่เป็นทั้งเด็กสาวและหญิงสาว อ่อนไหวและกล้าหาญไว้ในเวลาเดียวกัน เช่นเพลง The Hardest Part ที่เล่าเรื่องการเดินจากความรักครั้งเก่ามาแล้ว และแม้เขาจะพยายามเอื้อมมือมาหาอย่างไร เธอก็เรียนรู้จากความเจ็บปวดได้ดีพอที่จะไม่กลับไป 

Normally I need you, this time I don't wanna go.

Lately I been growing into someone you don't know

You had the chance to love her, But apparently you don't, 

no, you don’t

(ปกติแล้วฉันก็ต้องการคุณหรอก แต่คราวนี้ ฉันไม่แม้แต่จะอยากไปเจอ

ช่วงนี้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคนที่คุณไม่รู้จักกำลังเติบโต

คุณมีโอกาสที่จะรักฉันนะ แต่ก็ชัดเจนนี่ว่าคุณไม่

เปล่า คุณไม่ได้รัก)

เพลงที่น่าประทับใจอย่างยิ่งในอัลบั้มนี้คือ Messy ชื่อเดียวกับอัลบั้ม มันเป็นเพลงที่พูดถึงความยุ่งเหยิงในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์หรือความรู้สึกภายในของเราเอง อาจมีหลายครั้งที่เรารู้สึกว่าชีวิตมันช่างเละเทะ และเราก็หาทางออกให้ตัวเองไม่ได้เลย เพลง Messy ทำหน้าที่เหมือนเพื่อนคนหนึ่งซึ่งบอกว่า ไม่เป็นไรเลยที่จะสับสนและยุ่งเหยิง ค่อยๆ วางลง คลายมันไปทีละปม เราไม่ได้ต้องสมบูรณ์แบบอยู่ตลอดเวลา

Trying to make the shapes you're dying to see

Always kept it tidy

Never really known the right shapes to be

(คอยทำให้มันน่าพอใจอยู่เสมอ

แต่ที่จริงไม่เคยรู้เลย ว่าในร่องในรอยที่ถูกต้องมันเป็นอย่างไร)

It goes if you let it

It's okay to regret it

I'm on your side

(มันจะผ่านไป ถ้าเธอยอมปล่อย

ไม่เป็นไรน่า ที่จะเสียใจ

ฉันอยู่ข้างเธอนี่ไง)

No need to be ready

It's okay if it's messy

I'm on your side

(ไม่ต้องพร้อมก็ได้

มันโอเคน่า ที่จะยุ่งเหยิงยุ่งยาก

ฉันอยู่ข้างๆ คุณนี่ไง)

“มันอาจจะฟังดูซ้ำซาก แต่ฉันชอบเขียนเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์ของฉันกับผู้อื่น โดยเฉพาะการมอบความรักให้กับคนอื่น”

“ฉันค่อนข้างกลัวเรื่องนี้ในโปรเจ็กต์ก่อนหน้า แต่ฉันก็เปิดใจมากขึ้น ฉันเขียนเกี่ยวกับครอบครัวและความวิตกกังวล มันเหมือนกับว่าเราทุกคนต่างก็เจอเรื่องแย่ๆ เราทุกคนรู้สึกแบบเดียวกัน ฉันแค่ต้องการให้เพลงมันออกมาเป็นแบบนั้น” โอลิเวียพูดถึงเพลง Messy และอัลบั้มของเธอ

ยังมีอีกหลายเพลงในอัลบั้มที่ไพเราะและอวลไปด้วยดนตรีที่หลากหลาย มีความสดดิบ แต่ก็ร้อยเรียงอย่างนุ่มนวล เช่นเพลง Carmen เพลงเปิดอัลบั้มที่เธอได้รับแรงบันดาลใจจากคุณยาย หญิงสาวที่ย้ายถิ่นฐานจากกายอานามาอาศัยในอังกฤษขณะที่อายุเพียง 18 ปี

หรือเพลงที่ใช้การเปรียบเปรยได้น่าทึ่งอย่าง I Could Be A Florist ซึ่งเธอลองจินตนาการว่า คนที่ไม่เคยอยากเป็นอย่างอื่นนอกจากนักร้องเลยเช่นเธอ หากจะต้องทำอาชีพอื่นขึ้นมาจะเป็นยังไง สุดท้ายจึงมาลงตัวที่ช่างจัดดอกไม้ อาชีพที่มอบความสุขให้คนอื่นผ่านพืชพรรณงดงาม ไม่ต่างจากที่เธอให้ความสุขคนอื่นด้วยดนตรีในตอนนี้

เพลงของโอลิเวียมีความจริงใจเป็นส่วนผสมหลัก เธอรู้สึกในสิ่งที่เราต่างรู้สึก บางครั้งมันก็ดำดิ่งเกินกว่าจะสื่อสารออกมา แต่เธอก็เล่ามันอย่างผ่อนคลายด้วยภาษา เสียงร้อง และดนตรีที่สะอาดสะอ้าน  

ทั้งพลังในการแสดงสด ธรรมชาติที่มีเสน่ห์ และอัลบั้มดีๆ ที่ฟังได้ทุกเพลงเช่นนี้ ย่อมทำให้เธอเป็นดาวรุ่งที่ผู้คนเทใจให้มากขึ้นเรื่อยๆ และการทัวร์แสดงสดของเธอก็ระยิบระยับและไม่ควรพลาด