'ด่านจิต' VS รัฐไทย : เหตุผลของการ (ไม่) มี ด่านใน 4 จังหวัดภาคใต้
Auto Play
'ด่านจิต' VS รัฐไทย : เหตุผลของการ (ไม่) มี ด่านใน 4 จังหวัดภาคใต้
"ผมเจ๋งนะครับ" เรื่องราวชีวิตของคน ตจว. กับค่าครองชีพในเมืองหลวง
ทำอย่างไรหากญาติ “เสียชีวิต” เพราะวัคซีนโควิด-19 คุยกับ สปสช.และญาติของผู้เสียชีวิต
ถ้าเห็นป้ายสูงสีน้ำเงินเขียนว่า ‘ยินดีต้อนรับสู่จังหวัด…’ พร้อมกับภาพและสถานที่ท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่คอยบอกเราว่า เข้าสู่จังหวัดอะไร หรือถึงจังหวัดจุดหมายปลายทางแล้วหรือยัง
สิ่งที่ยืนยันว่าเราได้เข้าไปในพื้นที่ของ 3 จังหวัด ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอใน จังหวัดสงขลา แล้ว นั่นก็คือ ด่านความมั่นคง ชื่อ ‘ด่านเกาะหม้อแกง’ บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 43 ระหว่าง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา มุ่งหน้าไปยังจังหวัดปัตตานีรถทุกคันที่จะไปยัง 3 จังหวัดภาคใต้แล้ววิ่งเส้นทางหลักต้องใช้ถนนสายนี้และต้องผ่านด่านตรวจนี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อเราขับรถผ่าน ต้อง ‘ปิดไฟหน้า เปิดไฟในรถ และลดกระจกลง’ 3 ขั้นตอนพื้นฐานเมื่อต้องขับรถผ่านด่านตรวจบนถนนทางหลวงในพื้นที่ ‘ความมั่นคง’ นั่นเอง
“ไม่ว่าคุณจะมีความคิดหรืออุดมการณ์แบบไหนก็ตามต้องเคยเข้าด่าน แล้วก็กลายเป็นวัตถุของการถูกจับตา จับจ้อง และถูกคัดกรอง ประชาชนกลายเป็นสิ่งที่ถูกจับจ้องโดยรัฐ” รอมฎอน ปันจอร์ หนึ่งในแอดมินเพจ ‘ด่านจิต’
“แต่มันจะมีวันหนึ่งเป็นวันพิเศษ ไม่มีด่าน เพื่อให้คนพิเศษเดินทาง ด่านจะถูกเคลียร์ทั้งหมด ทัศนียภาพของท้องถนนจะสวยงาม มีทุ่งหญ้า และจะไม่มีอะไรขวางกั้น ทำให้มีความสุนทรีย์ในการขับขี่ แต่ส่วนเราไม่เป็นไร เพราะว่าไม่ใช่คนพิเศษ คนสามจังหวัดไม่ใช่คนพิเศษ ก็เลยต้องมีด่าน” อานัส พงศ์ประเสริฐ อีกหนึ่งในทีมแอดมินเพจ ‘ด่านจิต’
บทสัมภาษณ์ต่อจากนี้ไปจะทำให้มีมุมมองเรื่อง ‘ความมั่นคง’ เปลี่ยนไปอีกมากและสะท้อนได้ว่า เรื่องความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัด 4 อำเภอภาคใต้ ไม่ใช่เรื่องความเป็นอื่น แต่ถึงที่สุดมันคือ เรื่องของเราเกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลเดียวกัน
‘ด่านจิต’ : วิพากษ์ วิจารณ์ความมั่นคงด้วยความขบขันและสร้างสรรค์
“To truly laugh, you must be able to take your pain, and play with it.” Charlie Chaplin
เหตุที่ต้องยกคำพูดของนักแสดงภาพยนตร์ตลกตลอดกาลอย่าง ชาร์ลี แชปลิน ขึ้นมาเพราะความรู้สึกแรกที่ได้เห็นเพจ ‘ด่านจิต’ เป็นความรู้สึกเดียวกับที่ได้ดูภาพยนตร์ของเขาเรื่อง The Great Dictatorship ที่นักวิจารณ์ภาพยนตร์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
“วิธีลดทอนอำนาจของพวกเผด็จการและสถาบันอันศักดิ์สิทธิ์ลงนั้นก็คือทำให้กลุ่มคนหรือเรื่องราวเหล่านั้นเป็นเรื่องตลก” ‘The film that dared to laugh at Hitler’
ด้วยเหตุนี้เราจึงอยากไปสำรวจคิดและเป้าหมายของการตั้งเพจ ‘ด่านจิต’ ว่า ทำไมถึงตั้งเพจวิจารณ์การตั้งด่านในพื้นที่ขึ้นมา แล้วเหตุใดจึงใช้ความ ‘ตลก’ เป็นอารมณ์และน้ำเสียงในการเล่าเรื่องด้วย
“ใช้ภาษาและวิธีการสื่อสารที่ดูนุ่มนวล เป็นเรื่องที่ฮา แล้วยิ่งเป็นประเด็นที่มันหนักและเป็นทางการ แล้วเราก็นำเสนอเรื่องจริงที่พบเห็นได้ในทุกๆ วัน เลยทำให้คนรู้สึกกล้าที่จะนำส่งข้อมูลและคลิปมาที่เพจนี้ ยิ่งคนในพื้นที่ต้องเจอกับสิ่งนี้ในทุกๆ วัน เขาก็คงรอช่องทางที่จะสื่อสารมาตั้งนานแล้ว และบังเอิญมีเพจแบบเราเกิดขึ้นพอดี เลยทำให้เขารู้สึกว่าถ้าสื่อสารเรื่องราวผ่านสื่อนี้ก็น่าจะดีนะ” อานัสตอบคำถามโดยทันทีและชวนให้ไปไกลต่อว่า ด้วยวิธีการสื่อสารของเพจแบบนี้จึงทำให้มีคนในพื้นที่ส่งทั้งภาพและคลิปวิดีโอมาให้เขาเพื่อนำไป ‘ปรุงแต่ง’ แล้วนำเสนอลงในเพจ
สอดคล้องกับรอมฎอน หนึ่งในทีมแอดมิน “เรื่องความมั่นคง มันซีเรียสและแข็งกร้าวโดยตัวมันเอง มันไม่ดึงดูดใจให้คนมีส่วนร่วม ทำอย่างไรให้มันเป็นเรื่องที่เปิดกว้าง สนุก ตลก เยาะเย้ย ตั้งคำถาม ท้าทายมันได้ ให้ความรู้สึกเป็นเรื่องของทุกคน เพราะว่าด่านความมั่นคงอยู่ในชีวิตของพวกเราดังนั้นต้องมีสิทธิบอกมันห่วยหรือดีอย่างไร เราต้องมีสิทธิในการส่งเสียง เฮ้ย มึงต้องฟังกูด้วย นี่คือทำให้มันง่าย แล้วเราก็ค้นพบด้วยว่า วิธีการย่อยให้มันง่าย มันฮา แม้ว่าประเด็นมันจะเครียดมากๆ แต่เราย่อยมันหรือว่าทำให้มันสื่อสารได้ง่าย เพิ่มการรับรู้ของผู้คนด้วย”
การรวมตัวกันทำเพจ ‘ด่านจิต’ ของทั้งสองคนพร้อมกับทีมงานถือว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัว แล้วก็ไม่น่าแปลกใจมากนักว่า ทำไมเพจถึงมีทิศทางการเล่าเรื่องด่านความมั่นคงแบบนี้เพราะ อานัสคือหนึ่งในทีม สายบุรี Looker กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำงานศิลปะ จัดงานอีเวนต์เชิงสร้างสรรค์ ตั้งแต่งาน Charm Foodtival DS Young Filmmaker เป็นต้น ส่วนรอมฎอนเองก็ทำงานอยู่ในทีม Deep South Watch หรือศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ เป็นภาคประชาสังคมที่ทำงานวิจัยเกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงในพื้นที่มาอย่างยาวนาน
‘ด่านจิต’ จึงเป็นเพจที่มีความตลกขบขันในการวิพากษ์ วิจารณ์ผลกระทบของผู้คนจากการต้องถูกละเมิดสิทธิบางประการในนามเพื่อความมั่นคง แต่ในขณะ เดียวกัน หากพิจารณาให้ลึกขึ้นก็ย่อมเห็นเป้าหมายหลักของการสื่อสารและการทำเพจได้ไม่ยาก
“ตอบสนองเป้าหมายของแต่ละองค์กร อย่าง The looker เขาก็ทำงานแบบนี้ Deep South Watch เราอยากได้ข้อมูลบนฐานคิดที่ว่าต่างคนต่างได้ประโยชน์ ตอบเป้าหมายของแต่ละองค์กรแต่ว่าไม่มีรายได้ มันแจมกันแบบสนุกๆ ขำๆ เลยแล้วกัน แล้วก็ได้รับการตอบรับดี จริงๆ เรื่องแบบนี้มันดูเหมือน เออ ทุกคนก็รู้นะ แต่ไม่มีใครทำอะไรแบบนี้มาก่อน”
“มาตรการทางการทหาร ความมั่นคง พวกนี้จะต้องลดลงอยู่แล้ว ประชาชนควรจะต้อง มีสิทธิ มีเสียง ที่จะส่งเสียงด้วยว่าต้องการทิศทางแบบไหน อบต. เทศบาลต้องลุกขึ้นมาต่อรอง คุยกับทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง มาตรการด้านความมั่นคงบางอย่างควรจะต้องปรับเปลี่ยน เสียงของผู้คนธรรมดาสามัญหรือว่าตัวแทนของพวกเขามีน้ำหนักน้อยไปเมื่อเทียบกับเหตุผลของฝ่ายความมั่นคง ทำให้ดุลของการหาข้อยุติ แต่ละพื้นที่ แต่ละจุด หรือแม้กระทั่งในภาพรวมทั้งภูมิภาค ‘ปตานี’ ภูมิภาคชายแดนใต้กลับให้ฝ่ายพลเรือน มีน้ำเสียงมากขึ้นด้วยแม้ว่าจะเป็นเรื่องเพจเล็กๆ แต่ว่าจริงๆ เราคิดบนฐานที่กว้างขวางและลุ่มลึกอยู่พอสมควร”รอมฎอนเล่าถึงเป้าหมายของการทำเพจ
จากนั้นอานัสเสริมต่อว่า “เรื่องผลกระทบของการผ่านด่านตรวจมันเกี่ยวข้องกับเขา แต่บางคนไม่กล้าที่จะนำเสนอหรือบอกเล่าพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่บนเฟซบุ๊กส่วนตัวเขาก็จะส่งข้อมูล ภาพ หรือคลิป ผ่าน inbox ในเพจเฟซบุ๊กของพวกเราเพื่อให้ช่วยสื่อสารต่อ โดยที่ไม่ให้เขามีความเสี่ยงต่อการเปิดเผยข้อมูล แล้วภาพที่ได้มาก็จะมีความแตกต่างกัน ถ้าถ่ายจากมือถือก็จะถ่ายหลบๆ เห็นรถ 70 เปอร์เซ็นต์ เห็นเจ้าหน้าที่ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าคนที่กล้ามากขึ้นก็จะยกกล้องขึ้นสูงหน่อย สุดท้ายก็กลายมาเป็นเพจ ด่านจิต ในความหมายของผมคือ การเสียสุขภาพจิตกับการเจอด่าน”
‘เสียสุขภาพจิตในการเจอด่าน’ คำนี้น่าสนใจทันทีหลังอานัสพูดจบ ทำไมต้องเสียสุขภาพจิตในการเจอด่าน ในเมื่อ 3 ขั้นตอน ‘ปิดไฟหน้า เปิดไฟในรถ และลดกระจกลง’ ก็ไม่ได้ยากอะไรสำหรับการปฏิบัติ แล้วถ้าเราไม่ใช่ผู้ต้องหา มีคดี หรือมีหมายจับ ไม่ใช่บุคคลผู้ต้องสงสัย ก็น่าจะไม่โดนตรวจสอบอะไรมากมาย ไม่ต่างจากคำพูดที่ว่า 'ไม่ได้ทำผิดแล้วจะกลัวอะไรกับการตรวจสอบ'
“จริงๆ มันแล้วแต่คนว่าจะนิยามคำว่า ‘จิต’ ยังไง จิตในที่นี้อาจจะหมายถึงสุขภาพจิตหรือจิตวิปริตในการออกแบบด่าน ซึ่งผมเปิดรับคำนิยามของทุกคน หลังจากนี้เราจะมีการประกวดด่านที่มันมีความพิลึกพิลั่น แล้วก็จะชวนทุกคนคุยและจินตนาการว่าด่านจะมีพัฒนาการอย่างไร เพราะว่าด่านก็เริ่มมีพัฒนาการที่แปลกขึ้น”
อืม…ทั้งเสียสุขภาพจิต พิลึกพิลั่น พัฒนาการที่แปลกขึ้น สรุปแล้ว ด่านความมั่นคงมีชีวิตงั้นหรือ หรือพฤติการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่แต่ละคนแตกต่างกัน
ผลกระทบของด่านความมั่นคง : ผู้เป็นโรคต่อมลูกหมากโต แฟนแมนยูฯ สวนผักและ (ไม่)มีไฟดิสโกเธค
ทั้ง 4 คำ ที่ได้อ่านไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับด่านความมั่นคงเลยในสายตาคนนอกพื้นที่ แต่ฟังๆ ดูแล้วหากมันเกิดขึ้นในด่านที่อยู่หน้าบ้านของเรา มันก็อาจจะเริ่มตอบข้อสงสัยถึงความ ‘พิลึกพิลั่น’ ของการมีอยู่ของด่าน
“มีคนในพื้นที่ส่งเรื่องราวของเขามาให้อ่าน เขาเป็นต่อมลูกหมากโตแล้วอักเสบ พอไปเจอด่านที่มีลูกระนาด ขณะที่เขาขับมอเตอร์ไซค์ก็เกิดการกระทบกระเทือน ฟังแล้วดูตลกนะแต่มันตลกร้ายเพราะมันก็สร้างความอักเสบ ความปวดร้าวให้กับเขา เพราะมีลูกระนาด และเชือกที่คั่นไว้จะเป็นเชือกคล้องช้าง มีไว้เพื่อให้คนชะลอรถ ซึ่งมันค่อนข้างมีความถี่ ถ้าคนที่ขับมอเตอร์ไซค์หรือปั่นจักรยานก็จะสะเทือนแน่นอนหรือแม้กระทั่งคนที่แผลเพิ่งเย็บใหม่ แผลสด ก็มีอาการแผลปริขึ้นมาได้”
สิ่งที่อานัสเล่าให้ฟังอาจดูเป็นเรื่องตลกแต่ความเป็นจริงแล้ว สิ่งเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่มีอาการบาดเจ็บหรือเป็นโรคที่ควรหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือน
แล้วที่น่าสงสัยไปมากกว่านั้น ด่านความมั่นคงมันไปเกี่ยวอะไรกับแฟนแมนยูฯ กันแน่ ฟุตบอลกับความมั่นคง เป็นสองคำที่ไม่น่าจะมีความเข้ากันได้เลยแม้แต่น้อย
“มีด่านในจังหวัดยะลา ปกติด่านก็มีบังเกอร์ มีรั้วสูงๆ แต่ด่านนี้มีความเหมือนเรากำลังขับรถผ่านสนามฟุตบอลเพราะผมเห็นป้ายโลโก้แมนยูฯ ใหญ่มากเลย คือเห็นแล้วมันก็อาจจะดูธรรมดาสำหรับคนทั่วไปใช่ไหม แต่คืนก่อนหน้านั้นมันมีแมตช์ที่แมนยูฯแข่งกับลิเวอร์พูล แล้วแมนยูฯ แพ้ด้วยสกอร์ 0-5 แล้วผมเป็นเด็กผีไง ผมก็ไปเจอด่านนี้มันไม่ค่อยน่าภาคภูมิใจ ไม่อายบ้างหรือที่จะแปะป้ายแมนยูฯใหญ่ขนาดนั้น เพิ่งแพ้มานะเว้ยเฮ้ย หรือจะเป็นการประชดประชันของหัวหน้าด่านนั้นหรือเปล่า เขาอาจจะเชียร์ลิเวอร์พูลไหม ผมรู้สึกว่านี่มันไม่ยุติธรรมกับเด็กผี เพราะ ณ ตอนนั้นมันไม่ควรจะสนทนาประเด็นที่เป็นแมนยูฯ เลยด้วยสกอร์ 0-5”
จากการไปสำรวจหลายๆ ด่านด้วยตัวเอง ต้องยอมรับว่ามีส่วนจริงหลายเรื่องมาก เช่น นี่ด่านหรือช่องทางโปรโมตพรีเมียร์ลีกกันแน่ จึงไม่แปลกที่เรื่องเล่าจริงจังของอานัสจะดูมีอารมณ์ขันเพราะความผิดที่ผิดทางของ ‘ด่าน’ กับ ‘แมนยูฯ’
“ผมก็คิดว่ามันเป็นเฉพาะแค่ด่านนี้หรือเปล่า แต่พอไปเจอด่านอื่นก็ทำให้เห็นว่ามันมาทั้งพรีเมียร์เลย มาตั้งแต่อันดับหนึ่งของตารางยันท้ายตารางเลยครับ หรือหัวหน้าด่านชอบเตะบอลแล้วอยากเป็นนักกีฬาก่อนจะมาเป็นทหารก็ได้ เลยทำสิ่งเหล่านี้ออกมา เพราะมันเอาสิ่งที่อยู่ข้างในออกมานำเสนอ เหมือนเป็นการระบายตามท้องถนน ส่วนอันนี้ก็คือมาระบายตามด่าน ผมก็เห็นใจเขานะ เขาก็คงอาจจะใส่ความเป็นทีมที่เขาปลื้มเข้าไป แต่จะเอาจะเอาแค่ทีมเดียวก็ไม่แฟร์ ก็เลยอยู่กันเป็นค่ายใหญ่แล้วก็มีครบกันทุกทีมเพื่อความเท่าเทียม”
“ด้วยความที่ด่านมันตั้งอยู่นานจนฝังลึกเข้าไปเป็นวัฒนธรรม วิถีชีวิต และเป็นสังคมหนึ่งไปแล้ว บางด่านก็มีค่ายทหารอยู่ด้วย เขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นก็เลยมีการตกแต่ง เช่น เอาดอกไม้มาประดับ ปลูกผัก ปลูกพริก บางที่ก็มีต้นมะละกอ ต้นกล้วย ส่วนตอนนี้มันมีต้นบอนด่างที่ราคาสูง เขาก็ปลูกตามเทรนด์ หรือการปลูกต้นไม้ก็อาจจะทำให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น หรือทำแปลงเกษตรเพื่อให้รู้สึกว่ามันเป็นเกษตรพอเพียง หรือด่านในเส้นปัตตานี-นราธิวาส เป็นค่ายทหารที่มีแปลงผักอยู่ด้านหน้าซึ่งมันก็ฮาดีนะเพราะถนนไม่ควรมีสิ่งเหล่านี้”
พอได้ฟังคำตอบจากอานัสเกี่ยวกับผลกระทบของด่านต่อวิถีชีวิตประจำวัน แม้ฟังแล้วอาจดูมีอารมณ์ขันกับสิ่งต่างๆ ที่ถูกจัดวางอย่างไม่เข้ากันบริเวณด่าน ทั้งแปลงผัก ตราสโมสร แต่ในความเป็นจริง บางอย่างของด่านก็รบกวนทัศนะวิสัยในการเดินทางจริง
“สร้างผลกระทบต่อการสัญจรในยามค่ำคืนมากเพราะมีแสงไฟหลอดนีออนตั้งเรียงยาวบนถนน แล้วพอผ่านด่านก็ไม่เห็นเจ้าหน้าที่ยืนอยู่เนื่องจากแสงมันแยงแล้วแสบตา ก็จะเกิดเหตุการณ์ที่ปะทะคารมกับเจ้าหน้าที่เล็กน้อยว่า คุณไม่รู้เหรอว่าผ่านด่านต้องปิดไฟหน้า เปิดไฟในรถ ผมก็อ้าว…ยังไงดีวะ เพราะว่าผมไม่เห็นถนน ก็ต้องเปิดไฟสูง บางด่านหนักกว่านั้นคือ ไม่มีไฟเลย ตอนกลางคืนต้องขับช้ามากๆ เพื่อดูว่าจะไปชนแผงกั้นหรือตอม่ออะไรหรือเปล่า”แต่มันก็มีบางด่านที่มีไฟกะพริบเพื่อแจ้งว่า อีกไม่กี่เมตรจะถึงด่านตรวจนะ เราถามกลับไป“ไฟกะพริบ…ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันมีความหมายอะไร หรือบางที่ตกแต่งไฟเป็นสีธงชาติ สีแดง สีขาว สีน้ำเงิน ซึ่งมันเป็นหลอดนีออนที่ไม่ได้ถูกออกแบบให้มันถนอมสายตา ให้มันลดการสร้างผลกระทบต่อการมอง ทำแบบนี้เพื่อให้เรารู้สึกอยากรักชาติขึ้นมาหรือเปล่า ให้เวลาที่ผ่านด่านไปแล้วเรารู้สึกภาคภูมิใจกับความเป็นชาติไทยบนท้องถนน แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่ ผมไม่ซื้อกับความเป็นชาติแบบนี้ เพราะว่ามันระคายสายตา มันปวดตามากๆ”
จากการสำรวจโดยการขับรถบนถนนในพื้นที่ 3 จังหวัดยามค่ำคืน ก็พบว่าจริงตามที่อานัสได้เล่าให้ฟัง ถ้าเป็นถนนทางหลวงชนบทเราจะเจอด่านที่ไม่มีไฟแจ้งเตือนเป็นประจำ ต้องคอยเปิดไฟสูงไว้ตลอดเวลา ส่วนด่านไหนที่ใหญ่และอยู่บนถนนทางหลวงก็จะมีไฟนีออนเรียงรายยาวเกือบ 2-3 กิโลเมตร ซึ่งมีผลกระทบต่อการมองเห็น ทั้งแสบตา และตาพร่ามัว ดังนั้นถนนในพื้นที่ 3 จังหวัดน่าจะปิดโอกาสการขับรถตอนกลางคืนสำหรับผู้มีปัญหาทางสายตาเวลาเจอแสงไฟแรงๆ ได้เลย
ปัญหาสำคัญของเรื่องนี้คือ ‘ความถี่’ จากข้อมูลของ Deep South Watch สำรวจด่านทั้ง 3 จังหวัด 4 อำเภอ ภาคใต้ มีด่านความมั่นคง ทั้งด่านตำรวจ ด่านหน้าค่ายทหาร ด่านเทศบาล ด่าน อบต. รวมกันแล้วประมาณ 1,887 จุด ขับได้ไม่ถึง 30 นาทีก็ต้องเจอด่าน บางเส้นไม่ถึง 10 นาที ต้องผ่านด่านถึง 4 จุด อาการปวดตาจึงเกิดขึ้นเพราะแสงไฟนีออน
เมื่อแลกเปลี่ยนสิ่งนี้กับอานัส เขาเสริมขึ้นมา และเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะมันกระทบกับทุกคนที่สัญจรบนถนนในพื้นที่ความมั่นคงแห่งนี้
“ตอนที่ไม่มีด่านประหยัดน้ำมันมากเพราะเราไม่ต้องเหยียบเบรกทุกครั้งเมื่อเวลาต้องชะลอเพื่อผ่านด่าน แต่พอเจอด่านจะต้องชะลอรถแล้วเหยียบเบรก แล้วก็เหยียบคันเร่ง ทำความเร็ว แล้วก็เจอด่านก็ต้องชะลอความเร็ว เหยียบเบรก เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ส่งผลให้ระบบการเผาผลาญของน้ำมันมีความถี่ขึ้น ก็เลยเติมน้ำมันบ่อยกว่าเวลาขับที่จังหวัดอื่นๆ”
เรื่องราวผลกระทบของด่านที่อานัสและคนในพื้นที่ได้เจอล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแล้วก็กลายเป็นความผิดปกติที่เป็นปกติ และสิ่งนี้คือ ความน่ากลัวของความมั่นคงมากที่สุดแล้ว
มุมมองของรัฐไทย : เหตุผลของภาพวาดพรีเมียร์ลีก แปลงเกษตรและสวนดอกไม้
ทุกผลกระทบของแอดมินเพจด่านจิตและคนในพื้นที่ 3 จังหวัด 4 อำเภอภาคใต้ ฝ่ายความมั่นคงและรัฐล้วนมีคำตอบและเหตุผลอยู่แล้ว และแน่นอนว่า ในมุมมองของพวกเขาเองเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ‘ด่าน’ จำเป็นต้องมี แต่ก็รับฟังถึงพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ประจำด่านเพื่อนำไปสู่การพัฒนาให้ดีขึ้นและเป็นมิตรกับประชาชนในพื้นที่มากสุด
“เรื่องการวาดรูปสโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีก หรือการวาดตัวการ์ตูนก็มีไว้เพื่อลดความแข็งกร้าวและความรุนแรงของเจ้าหน้าที่และสร้างความเป็นมิตรกับประชาชนในพื้นที่มากขึ้น” ธราวุธ ช่วยเกิด นายอำเภอเมือง จังหวัดยะลา คุยกับเราบริเวณหน้าด่านตรวจ ตำบลลำพะยา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ตำบลที่เป็นชุมชนของไทยพุทธชุมชนเดียวในจังหวัดยะลา และเมื่อสองปีที่แล้ว ที่นี่เคยเกิดเหตุการณ์ซุ่มยิงและระเบิดจนทำให้มีราษฎรอาสาประจำจุดเสียชีวิตทันที 15 ราย
“ยังสร้างบาดแผลให้กับประชาชนในพื้นที่” นายอำเภอกล่าวต่อ
“วันนี้ที่ประชุมผ่านทางไกลกับแม่ทัพภาคที่ 4 ก็สั่งการว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตัว ถึงแม้ว่าจะถูกด่าก็ต้องน้อมรับ และพูดด้วยคำสุภาพ ไม่ตอบโต้ ให้มีความสุภาพ และให้คุ้มครองพี่น้องที่จะใช้เส้นทาง ส่วนตัวผมมองว่า สิ่งปลูกสร้างที่เป็นต้นไม้ ป้ายเชิญชวนหรือป้ายแสดงหมายจับก็อาจจะเป็นเครื่องมือในปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มากกว่าก็คงจะไม่สร้างความรำคาญให้กับคนที่ใช้เส้นทางมากมายนัก”
“ส่วนการวาดภาพทีมสโมสรฟุตบอล การวาดภาพการ์ตูนก็เพื่อสร้างบรรยากาศให้มันผ่อนคลายก็อยากจะมองด้วยใจเป็นกลางทั้งสองด้านนะว่า เจ้าหน้าที่มาปฏิบัติงานเจอกับสถานการณ์โควิด สถานการณ์ความมั่นคงมาอย่างยาวนาน แล้วจะเห็นว่าพี่น้องประชาชนที่เป็นจิตอาสาก็ดี หรือว่าหน่วยงานของรัฐเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงก็ดี ปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็งมาตลอดในช่วงที่เรางดการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างจังหวัดเจ้าหน้าที่ก็ยังทำงานด้วยหัวจิตหัวใจที่อุทิศเวลาเสียสละ ผมก็อยากให้เข้าใจในจุดตรงนี้ด้วย”
จากนั้นเราจึงถามนายอำเภอเมือง จังหวัดยะลา ต่อถึงกระแสที่คนในพื้นที่มองว่า เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติตรวจค้นเกินกว่าเหตุ นายอำเภอยืนยันว่า ไม่เคยมีการร้องเรียนว่าด่านในความรับผิดชอบของกรมการปกครองในพื้นที่จังหวัดยะลา ละเมิดสิทธิประชาชน หรือใช้วาจาไม่สุภาพกับสุภาพสตรี และยืนยันชัดเจนว่า ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้มือถือถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชนโดยเด็ดขาด
“ด่านในความดูแลของกรมการปกครองจะพยายามไม่ละเมิดสิทธิของประชาชนมากที่สุด แต่เน้นอำนวยความสะดวก ดูแลให้เขาเกิดความปลอดภัย ถ้ามีวัยรุ่นที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็ว ก็ให้คำแนะนำเรื่องของการขับยวดยานให้เกิดความปลอดภัยไม่ประมาท แล้วก็จุดตรงนี้ได้รับคำชมจากผู้บังคับบัญชาและพี่น้องที่ใช้เส้นทางอยู่บ่อยๆ ด้วย”
ขณะเดียวกัน เราได้คุยกับ อิสมาแอ แวนะไล กำนันตำบลบังนังสาเรง จังหวัดยะลา เพื่อแลกเปลี่ยนถึงกระแสของเพจ ‘ด่านจิต’ กำนันเองก็เห็นด้วยว่า “เป็นเรื่องดีนะครับ ที่มีคนมาวิจารณ์ด่านจะนำไปสู่การปรับปรุงของหัวหน้าด่านต่อไป”
“ด่านผมห้ามเลยครับ ห้ามมีการแซวและตรวจปัสสาวะคนแปลกหน้า ด่านที่ผมดูแลบนถนนเส้นนี้เป็นถนนที่คนในหมู่บ้านและหมู่บ้านข้างเคียงใช้ประจำ ดังนั้นผมก็อาจจะจำหน้าได้ ก็ไม่ตรวจบัตรประชาชน แต่บางครั้งที่จำเป็นต้องตรวจบัตร เพราะมีคนจากข้างนอกเข้ามาในหมู่บ้านและตำบล ก็ต้องตรวจ” กำนันตำบลบังนังสาเรงตอบโดยทันทีหลังจากอ่านเนื้อหาของเพจ ‘ด่านจิต’
“ด่านผมไม่ต้องรำคาญ พอตั้งด่านเสร็จ ผมก็เก็บข้างทาง เวลาที่จะตั้งด่าน ผมก็เอาขึ้นมาตั้งก่อนที่จะตั้งด่าน ผมก็อธิบายให้ผู้ที่เข้าร่วมตั้งด่านกับผมต้องปฏิบัติอย่างนี้ รายละเอียดแบบนี้ครับ ห้ามละเมิดสิทธิประชาชน ต้องทำตามระเบียบ ห้ามถ่ายรูปบัตรประชาชน ห้ามเปิดท้ายรถหรือค้นรถด้วยมือของเจ้าหน้าที่ ต้องให้เจ้าของรถเป็นคนเปิดให้ดูเท่านั้น” กำนันตอบคำถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ส่วนเรื่องการปลูกต้นไม้ ทำสวนของด่านความมั่นคงหน้าค่ายทหาร กำนันมองว่า เพื่อสร้างความสวยงาม ทำให้เกิดมุมมองด้านบวกต่อประชาชนที่สัญจรผ่านไปมา ถ้าไม่กีดขวางการสัญจรก็น่าจะทำได้ แต่ก็ย้ำว่าบางพื้นที่ก็ไม่ควรปลูกเพราะขัดขวางทัศนวิสัยในการขับรถ
“การตั้งด่านแล้วสกัดเวลาคนในพื้นที่ผ่านมา เราก็คุย ขออนุญาตการตรวจค้น และทำความเข้าใจให้คนที่ผ่านด่านว่า การตรวจค้นเราก็ต้องถามความยินยอมก่อน เราก็ไม่ได้สร้างความรำคาญให้แก่คนในพื้นที่ เราต้องอธิบายว่า จำเป็นที่จะต้องตั้งด่านเพื่ออะไร ตั้งด่านด้วยเหตุอะไร และทุกครั้งที่มีการตั้งด่านต้องมีผมคุมด่านทุกครั้งหากผมไม่อยู่ตั้งด่านไม่ได้เพราะไม่มีการอธิบายให้คนในพื้นที่หรือผู้สัญจรผ่านไปมา ว่าเหตุอันใดถึงตั้งด่าน”
เราเอาเหตุผลทั้งหมดไปอธิบายกับอานัสให้ฟังว่า นี่คือเหตุผลว่าทำไมหัวหน้าด่านถึงต้องวาดรูป ปลูกต้นไม้ตามด่านด้วย อานัสฟังแล้วก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เราถามว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ผมกำลังคิดอยู่ว่า แล้วเด็กมันจะจำโดเรม่อนแบบไหนวะ ถ้าผ่านไปอีกหลายปี เด็กเจอสิ่งนี้แล้วจะถามว่าโดเรม่อนเท่ากับอะไร มีภาพจำของโดเรม่อนเป็นอย่างไร ก็คงจะเป็นความรุนแรงเพราะว่าเจ้าหน้าที่ทหารถือปืน มันก็น่าตั้งคำถามกับสิ่งเหล่านี้เหมือนกัน”
ฟังดูแล้วเหมือนด่านแทนที่จะสร้างความมั่นใจให้กับอานัสและคนในพื้นที่ แต่กลับกลายเป็นว่า มันไปในทิศทางตรงกันข้าม
“มันตรงกันข้ามทุกอย่างอยู่แล้วครับ ผมไม่รู้สึกปลอดภัย ผมต้องเตรียมคำถามก่อนถึงด่านตลอด ทุกคนก็เป็นเหมือนกัน พอเดินทางบ่อยก็จะรู้แล้วว่า ด่านอยู่ตรงจุดไหนบ้าง เราก็จะต้องเตรียมคำถามแล้ว เช่น เรามาจากไหน จะไปไหน จะไปทำอะไร ก็จะเป็นคำถามเชิงแบบนี้ และเราก็ต้องตอบให้ตรงกับเพื่อนที่โดยสารมาด้วยกัน
แล้วถ้ารูปลักษณ์หนวดยาวผมยาวตามชาติพันธ์ุของคนมุสลิม ก็มักจะโดนเจ้าหน้าที่เรียกสอบถามยาวนานเป็นพิเศษ เรียกว่าเป็น สเปคขวัญใจด่านเลย เพื่อนผม 3-4 คนเขามีหนวดเคราที่ยาวมาก ก็มักจะโดนเรียกทุกด่าน”
ข้างต้นคือความเห็นจากประชาชนผู้ได้รับประสบการณ์ต่างกันไปจาก ‘ด่าน’ รวมทั้งคำอธิบายจากคนตั้งด่านเอง ซึ่งเสริมด้วยความเห็นทิ้งท้ายของนายอำเภอ ธราวุธ ช่วยเกิด ว่าเรื่องนี้มองได้หลายมุม คนอยากให้ยกเลิกด่านก็มีเหตุผล แต่ในอีกด้าน ด่านก็ยังมีหน้าที่และความจำเป็นของมัน
“มองจากมุมของคนทำงานในพื้นที่ เหรียญมีสองด้าน แต่มุมที่เรามองยืนเคียงข้างกับประชาชนก็ยังคิดว่าปุถุชนธรรมดาหรือว่าคนที่ใช้วิถีชีวิตตามปกติก็ยังมีความสำคัญและยังมีความจำเป็นที่จะให้ด่านดูแลปกป้องพื้นที่เพื่อดูแลให้พี่น้องประชาชนเกิดความสงบ แล้วคนที่มาทำงานที่ด่านต่างก็เป็นราษฎร เป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน มีจิตอาสาว่างเว้นจากภารกิจช่วงงานประจำ ช่วงกลางคืนก็มาดูเวรยามกันช่วยกันดูแลในพื้นที่ของตำบลลำพะยา ก็จะมีแบ่งเวรกัน มีอยู่ 7 หมู่บ้านสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน อันนี้ก็ถือว่าเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของพี่น้องประชาชนทั้งตำบล”