Humberger Menu

The Store of Bangkok 6 แบรนด์ที่เราตื่นเต้นที่ได้เห็น ระหว่างเดินเล่นในเซ็นทรัลชิดลมโฉมใหม่

-ก
+
Light
Dark
ฟังบทความ

Everyday Life

Live & Learn

Lifestyle

29 พ.ค. 67

creator
Creative Content Team
BookmarkLineCopy
-ก
+
Light
Dark
ฟังบทความ

...

Summary
  • เซ็นทรัลชิดลมขนเอาแฟชั่นที่น่าตื่นเต้นมารวมไว้ ทั้งแบรนด์ดังที่เราคุ้นเคย และหลายแบรนด์ที่บรรจุอัตลักษณ์ของคลื่นลูกใหม่ก็ถูกจัดวางและจัดโซนสนุกๆ ไว้ให้เราในห้างอายุกว่าห้าสิบกว่าปีแห่งนี้
  • จากชั้น 1 จนถึงชั้น 3 ของเซ็นทรัลชิดลม ไทยรัฐพลัสขอพาคุณไปรู้จัก 6 แบรนด์แฟชั่นที่ไม่เหมือนใคร และเป็นส่วนหนึ่งที่เราจะได้เห็นในเซ็นทรัลชิดลมโฉมใหม่

...

เซ็นทรัลชิดลมคือหนึ่งเซ็นทรัลที่เรารู้จักมักคุ้นมาตั้งแต่เด็กๆ บางคนอาจมีประสบการณ์ร่วมกับห้างแห่งนี้ในฐานะพื้นที่อัปเดตเสื้อผ้าแฟชั่น บางคนชอบที่นี่เพราะขนาดของห้างที่พอเหมาะพอดี ซึ่งช่วยให้การเดินช้อปปิ้งแต่ละทีไม่เหนื่อยเกินไปนัก ขณะที่บางคนเลือกจะพุ่งตรงมาที่นี่เพราะรักในความกะทัดรัดทว่าหลากหลายของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในโซนซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เราต่างก็มีความทรงจำต่อเซ็นทรัลชิดลมแตกต่างกันไป ความทรงจำที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองแห่งนี้สร้างไว้ตลอดช่วงเวลากว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา

ใช่ เซ็นทรัลชิดลมยืนหยัดอยู่กลางสี่แยกชิดลมมากว่าห้าสิบปีแล้ว ซึ่งมันก็ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้จะเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ ซึ่งความน่าสนใจอยู่ที่ว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เซ็นทรัลชิดลมตั้งใจจะก้าวไปสู่ห้างสรรพสินค้าเวิลด์คลาสภายใต้คอนเซปต์ ‘The Store of Bangkok’ ในฐานะพื้นที่แห่งแฟชั่นที่ไม่ว่าเราจะนิยามแฟชั่นของตัวเองว่าเป็นสไตล์ไหน หากได้ลองมาเดินที่ห้างฯ แห่งนี้ ก็เป็นไปได้ว่าจะได้พบไอเทมที่ถูกตาต้องใจหรือไม่คิดว่าจะได้เจอมันวางขายอยู่ในประเทศไทยด้วยซ้ำ

เราเองก็ได้มีโอกาสไปเดินเล่นในเซ็นทรัลชิดลมโฉมใหม่มาเหมือนกัน โดยเฉพาะในสามโซนใหม่ซึ่งพบว่า แต่ละโซนต่างก็มีคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจเป็นของตัวเอง เริ่มตั้งแต่โซน 'Luxe Galerie’ ที่ชั้นหนึ่ง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมของแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Bottega Veneta, Burberry, Loewe และ Louise Vuitton เพียงแต่ไฮไลต์ของโซนนี้คือการที่เซ็นทรัลชิดลมเลือกจะดีไซน์พื้นที่ในรูปแบบบูทีคที่ช็อปของหลายแบรนด์จะเปิดโล่งปราศจากกำแพง ให้เราสามารถเดินเลือกช้อปจากแบรนด์หนึ่งสู่อีกแบรนด์ได้อย่างปลอดโปร่งและอิสระ


พอขึ้นมาชั้นสอง เราก็ได้พบกับโซน ‘Sneakers Boulevard & Streetwear Studio’ ที่รวบรวมรองเท้าและสตรีทแฟชั่นสำหรับสนีกเกอร์เฮดโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น Autry, Converse, Hoka, New Balance และ Veja ส่วนชั้นที่สามก็เป็นพื้นที่สำหรับ ‘Contemporary Fashion’ ซึ่งรวบรวมแบรนด์แฟชั่นหลากหลายจากทั่วโลก โดยเฉพาะใน The Collective โซนพิเศษที่ทางเซ็นทรัลชิดลมจะคัดเลือกแบรนด์ใหม่ๆ ที่บางแบรนด์ก็ไม่เคยวางจำหน่ายในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำอย่าง 1017 ALYX 9SM, C.P. Company และ GCDS

ระหว่างที่เดินขึ้นลงทั้งสามชั้นของสามโซนใหม่นี้ เราแวะดูแบรนด์แฟชั่นที่บ้างก็รู้จักอยู่แล้ว และบ้างก็เพิ่งจะเคยได้เห็นครั้งแรกที่นี่ เราเลยถือโอกาสนี้เลือก 6 แบรนด์แฟชั่นที่ตื่นเต้นที่ได้เห็นในเซ็นทรัลชิดลมมาให้ทุกคนรู้จักกัน

C.P. Company - แบรนด์อิตาลีผู้มีอิทธิพลต่อวงการเทคแวร์

ในปี 2022 เลียม กัลลาเกอร์ อดีตนักร้องนำวงบริตป๊อประดับตำนานอย่าง Oasis ได้ออกคอลเลกชันพิเศษร่วมกับแบรนด์เสื้อผ้ากลุ่มหนึ่ง ซึ่งท่ามกลางแบรนด์ต่างๆ เหล่านั้น C.P. Company คือชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุด และไม่ต้องสงสัยว่า คอลเลกชัน Liam Gallagher x C.P. Company ก็ขายหมดในพริบตา ว่าแต่แบรนด์ C.P. Company ที่ว่ามันน่าสนใจยังไงกันล่ะ

หลายคนอาจคุ้นเคยกับแบรนด์แฟชั่นอย่าง Stone Island อยู่ก่อนแล้ว โดยเฉพาะใครที่ชื่นชอบฟุตบอลอังกฤษ และมักจะเห็นแฟนบอลสวมแจ็กเกตของ Stone Island บ่อยๆ แต่รู้ไหมว่า จริงๆ แล้ว Stone Island กับ C.P. Company นั้นมีต้นกำเนิดจากดีไซเนอร์คนเดียวกัน โดยที่แม้ว่าแบรนด์ทั้งสองจะโด่งดังสุดๆ บนเกาะอังกฤษ หากต้นกำเนิดของมันมาจากอิตาลีต่างหาก Massimo Osti คือชื่อของชายผู้ให้กำเนิดแบรนด์ทั้งสองนี้ ซึ่งหากลองย้อนประวัติศาสตร์กลับไปเราจะพบว่า ขณะที่ Stone Island ก่อตั้งขึ้นในปี 1982 ทว่า C.P. Company นั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 1971 จนอาจเรียกได้ว่า C.P. Company คือรุ่นพี่ของ Stone Island เลยด้วยซ้ำ

จุดเด่นของ C.P. Company มีอยู่หลายข้อด้วยกัน อย่างแรกคือ ดีไซน์ของเสื้อผ้าที่คล้ายจะอยู่กึ่งกลางระหว่างยูนิฟอร์มของทหารและสไตล์เวิร์กแวร์ที่แม้ว่าจะให้ความรู้สึกทะมัดทะแมง หากก็ดูคล่องแคล่วไปพร้อมๆ กัน จุดที่สองคือ ‘แว่นกันลม’ (goggles) ซึ่งมักจะปรากฏอยู่บนฮู้ด แจ็กเกต หมวก ไปจนถึงบีนนี่ของ C.P. Company โดยที่มาของแว่นกันลมนี้ก็เป็นเพราะในช่วงหนึ่งนั้น C.P. Company ได้ไปออกแบบเสื้อผ้าให้กับนักแข่งรถซึ่งแว่นกันลมก็เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ดีไซน์ขึ้นมาเพราะนักแข่งรถต้องใช้มันเพื่อป้องกันการปะทะของแรงลมระหว่างแข่งนั่นเอง แว่นกันลมจึงกลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นับตั้งแต่นั้น

จุดเด่นอีกอย่างของ C.P. Company คือการย้อมผ้า ย้อนกลับไปในปี 1973 C.P. Company เป็นแบรนด์แรกๆ ที่ใช้วิธีการดีไซน์เสื้อผ้าออกมาโดยปราศจากสีสัน จากนั้นจึงค่อยย้อมมัน ส่งผลให้ C.P. Company โด่งดังในฐานะแบรนด์ Military Fashion ที่มาพร้อมกับสีสันหลากหลาย แถมด้วยความเก่าแก่ของมัน C.P. Company ยังเป็นแบรนด์ที่สร้างอิทธิพลให้กับแบรนด์เทคแวร์ยุคใหม่อย่าง Acronym และ Guerilla Group อีกด้วย

นี่เองจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงตื่นเต้นสุดๆ ที่ได้เห็นแบรนด์อย่าง C.P. Company อยู่ในเซ็นทรัลชิดลมแห่งนี้

rag & bone - แบรนด์จากนิวยอร์กที่หนักแน่นในความเรียบง่าย

หากจะมีสักคำที่นิยาม rag & bone ได้อย่างตรงใจ เราคิดว่าคำนั้นคือ ‘ความเรียบง่าย’ แต่ถึงแม้ว่านิยามนี้อาจฟังดูคล้ายกับแบรนด์อื่นๆ ในตลาด ทว่ากับ rag & bone มันกลับมีอะไรบางอย่างที่พิเศษออกไป

ก่อตั้งขึ้นในนิวยอร์กเมื่อปี 2002 ภายใต้จุดประสงค์ที่อยากจะผสานเสื้อผ้าสไตล์อังกฤษเข้ากับการตัดเย็บยุคใหม่ โดยที่แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่าสองทศวรรษ แต่ rag & bone ก็ยังซื่อสัตย์จากจุดเริ่มต้นที่เรียบง่ายนั้น จนไม่แปลกหากแบรนด์จะถูกจดจำในฐานะความเรียบง่ายที่แฝงไว้ด้วยรายละเอียดและความตั้งใจ 

“ยี่สิบกว่าปีก่อน rag & bone ถือกำเนิดขึ้นภายใต้ความเชื่อมั่นอันเด็ดเดี่ยว นั่นคือความมุ่งมั่นในเส้นทางที่ถูกต้อง แม้ว่าเส้นทางที่ว่านั้นจะไม่ง่าย เพื่อสร้างสิ่งที่สดใหม่หากก็อยู่เหนือกาลเวลา เพื่อซื่อสัตย์ต่อความเป็นเรา แม้ความเป็นเราที่ว่าจะแตกต่างจากกระแสส่วนใหญ่” ข้อความที่ว่าคือปณิธานที่อยู่บนเว็บไซต์ของ rag & bone

สำหรับเรา คงเป็นความมุ่งมั่นแต่ฟังดูหนักแน่นนี่เองที่ทำให้ความเรียบง่ายของ rag & bone กินใจ ขณะเดียวกัน เสื้อผ้าของ rag & bone ที่หากดูเผินๆ อาจราบเรียบ แต่เมื่อได้ลองสัมผัสและสวมใส่ก็เข้าใจถึงความตั้งใจที่ซ่อนไว้ของแบรนด์ โดยเฉพาะต่อการตัดเย็บที่ไม่เพียงแค่แบรนด์จะโดดเด่นในแง่ของเทคนิคเท่านั้น แต่เสื้อผ้าหลายชิ้นก็ผลิตจากโรงงานท้องถิ่นและช่างตัดเย็บชั้นสูงซึ่งยิ่งจะตอกย้ำคุณภาพของ rag & bone ยิ่งกว่าเดิม

หาก rag & bone คือความเรียบง่าย มันก็คงจะเป็นความเรียบง่ายที่ไม่ใช่แค่ใส่สบาย แต่ยังสัมผัสได้ถึงความตั้งใจ และ rag & bone ก็เป็นแบรนด์หนึ่งที่เราพุ่งตรงเข้าไปทันทีเมื่อเห็นช็อปที่เซ็นทรัลชิดลม

Onion - ร้านมัลติแบรนด์ไทยที่สนุกกับการเลือกแบรนด์แปลกใหม่จากทั่วโลก

ในฐานะคนหนึ่งที่ชื่นชอบร้านมัลติแบรนด์ Onion คือหนึ่งในร้านมัลติแบรนด์ที่เรารัก

สาเหตุคงเป็นเพราะว่า แม้บางครั้ง แบรนด์ที่ Onion หยิบเข้ามาในร้านจะเป็นแบรนด์ที่เราไม่รู้จัก แต่เพราะเชื่อในรสนิยมของ Onion ไปแล้ว เราจึงมักจะสนุกทุกครั้งที่ได้รู้จักแบรนด์ใหม่ๆ จากหลากหลายประเทศที่ถูกเลือกสรรมายังร้านแห่งนี้

Needles, Engineer Garment และ And Wander เหล่านี้คือขาประจำที่มักจะแวะเวียนเข้ามาที่ Onion อยู่เรื่อยๆ ในทุกคอลเลกชัน ขณะเดียวกัน ช็อปแห่งนี้ก็ยังคัดเลือกแบรนด์ที่ไม่น่าจะมีโอกาสได้เห็นในประเทศไทยง่ายๆ อย่าง Henrik Vibskov, Rhodolirion และ Bunzaburo Kyoto มาให้เราได้ว้าวอยู่เสมอ 

แต่นอกจากแบรนด์ต่างประเทศแล้ว Onion ก็มีแบรนด์ไทยที่น่าสนใจอย่าง W’menswear รวมถึงยังดีไซน์เสื้อผ้าของแบรนด์ Onion เองอีกด้วย

เอกลักษณ์ของแบรนด์ที่เลือกเข้ามาก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกอย่างที่เราชอบคือ ไม่ว่าเราจะกำลังมองหาเครื่องแต่งกายที่มาพร้อมกับฟังก์ชันในสไตล์ outdoor เสื้อผ้าทรงหลวมสไตล์ city boy ไปจนถึงเบลเซอร์สำหรับสวมใส่กึ่งทางการ Onion คือร้านที่รวบรวมแฟชั่นที่หลากหลายเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกัน

แต่ด้วยความที่หน้าร้านของ Onion อยู่ในซอยเอกมัย 12 ซึ่งสำหรับบางคนก็อาจชวนให้รู้สึกไกลไปสักหน่อย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงดีใจที่ได้เห็น Onion มาเปิดหน้าร้านอยู่ใจกลางเมืองแบบนี้

Proenza Schouler กับนิยามความงามแบบ ‘Effortless’ ของผู้หญิงยุคใหม่

ความสวยแบบ ‘ไม่ต้องพยายาม’ ความสวยแบบไม่ต้องประโคมอะไรเยอะแยะ แต่พร้อมกันนั้นก็ทันสมัยและ ‘ไม่เหมือนใคร’ กลายเป็นนิยามความงามที่ผู้หญิงยุคใหม่มองหามากขึ้นเรื่อยๆ และนี่เป็นสิ่งที่ Proenza Schouler (โพรเอนซา สคูลเลอร์) แบรนด์แฟชั่นจากนิวยอร์กทำได้ดีไม่แพ้ใคร

รูปธรรมของความงามแบบที่ว่าปรากฏใน PS1 กระเป๋าถือรุ่นดัง ที่มักเป็นภาพจำแรกๆ เมื่อคนนึกถึง Proenza Schouler กระเป๋าหนังทรงเมสเซนเจอร์ มีเข็มขัดพาดด้านหน้า เป็นกระเป๋าที่รับแรงบันดาลใจจากแฟชั่นแบบเวิร์กแวร์และความเป็นนิวยอร์กมาอย่างเต็มเปี่ยม ส่งให้ผู้ถือดูทะมัดทะแมง สมาร์ท ในขณะเดียวกันความเนี้ยบของวัสดุที่ใช้และการตัดเย็บก็ทำให้มันห่างไกลจากคำว่า ‘ธรรมดา’ ไปไกลโข

สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือเรื่องราวของแบรนด์ Proenza Schouler มีอายุเพียง 22 ปี อาจถือว่ายังเป็นวัยรุ่นในโลกของแบรนด์ลักชัวรีที่มีประวัติศาสตร์และมรดกยาวนาน แต่มันก็บรรจุพลังงานความเป็นคนยุคใหม่ไว้อย่างชัดเจน

Jack McCollough และ Lazaro Hernandez คือสองดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ ก่อนหน้าที่พวกเขาจะพบกัน ทั้งคู่ไม่ได้เฉียดใกล้วงการแฟชั่นเลย McCollough ผู้เกิดในโตเกียวและเติบโตในนิวเจอร์ซีย์เดิมทีเรียนศิลปะและกำลังศึกษาศิลปะการเป่าแก้ว ส่วน Hernandez นั้นยิ่งกว่า เพราะเขาเป็นนักเรียนแพทย์อยู่ที่ไมอามีมาก่อน ภายหลังทั้งคู่ตัดสินใจเบนเข็มทิศชีวิตมาตามความฝันและเข้าเรียนที่โรงเรียนออกแบบชื่อดัง Parsons School of Design และพวกเขาก็ได้พบกันไม่กี่วันหลังจากย้ายมานิวยอร์ก

คอลเลกชันแรกของดีไซเนอร์ทั้งสองเกิดขึ้นไม่กี่ปีหลังจากนั้นในนามของ ‘ธีสิส’ ที่พวกเขาจับมือทำร่วมกัน (และต้องกระซิบว่านอกจากทั้งคู่จะเป็นพาร์ตเนอร์กันในเรื่องงานแล้ว ทั้งสองก็เป็น ‘พาร์ตเนอร์’ กันในชีวิตจริงด้วย) โดยชื่อ Proenza Schouler เป็นชื่อที่ทั้งสองตั้งตามนามสกุลเดิมของคุณแม่

ดีไซน์ของแบรนด์มีตัวตนที่เป็นมนุษย์ยุคใหม่ โดยเฉพาะเวลามองรองเท้าที่ทั้งคู่ออกแบบ ส้นสูงที่ใช้วัสดุหนัง เรียบแต่ก็ถูกพรีเซนต์ด้วยสีที่สนุกสนาน หรือคู่ที่ใช้สีคลาสสิกก็มาพร้อมกับทรงที่สมาร์ทไม่เหมือนใคร ก็สมกับที่พวกเขาเคยกล่าวไว้ว่า Proenza Schouler คือแบรนด์ที่ “สร้างแฟชั่นที่หรูหราสำหรับผู้หญิงที่ฉลาด เป็นผู้ใหญ่ และเป็นตัวแทนของผู้หญิงยุคนี้” 

ความปังมันก็อยู่ตรงที่ แบรนด์เก๋ๆ แบบนี้นอนรอเราอยู่ไม่ไกล แค่เซ็นทรัลชิดลมเท่านั้นเอง

เตะตา ล้ำสมัย จะมีแบรนด์ไหนอีกถ้าไม่ใช่ ‘GCDS' 

หนึ่งในแบรนด์ที่เห็นว่าเซ็นทรัลชิดลมจับมาวางแล้วหัวใจเต้นรัว คือแบรนด์ที่มีตัวตนมันสุดขั้วแบบ GCDS 

ถ้าถามว่า ‘มัน’ ตรงไหน ไม่ต้องอาศัยตัวหนังสือในบทความนี้ก็ได้คำตอบ เราขออนุญาตผายมือไปที่บรรดาบูตและส้นสูงที่บริเวณส้นเป็นรูปฟันของสัตว์ประหลาด หรือบิกินีลายคิตตี้สีชมพูหวานหยด ทั้งหมดนี้มาจากแบรนด์อิตาลีแบรนด์นี้ทั้งสิ้น

และเอาเข้าจริง คุณอาจจะเคยพบเห็นและคุ้นเคยกับเสื้อผ้าของ GCDS มากกว่าที่คิด! ถ้าใครเคยดูมิวสิกวิดีโอเพลง Money ของสาว ‘ลิซ่า’ จากวง BLACKPINK คงจะพอคุ้นๆ กับบูตสีชมพูลายคิตตี้ฟูฟ่องที่เธอใส่ในเอ็มวี หรือถ้าใครติดตามนางแบบสาว Hailey Bieber ซึ่งถือเป็นแฟชั่นไอคอนแห่งยุคคนหนึ่ง ก็จะพบว่าบางครั้งเธอมักมากับเสื้อผ้าสนุกๆ อย่างสวิมสูทสีแดงจัด กางเกงคาร์โกสีส้มสะท้อนแสง 

ใช่แล้ว เหล่านี้ที่ว่ามาทั้งหมดคือเสื้อผ้าของ GCDS


GCDS ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 จากมุมมองอันล้ำสมัยของสองพี่น้องชาวอิตาเลียน Giuliano และ Giordano Calza คำว่า GCDS เป็นตัวย่อที่ใส่ความหมายได้มากมาย ก่อนจะมาเป็นแบรนด์พวกเขาทำดิจิทัลโปรเจกต์หนึ่งและตั้งชื่อมันตามปาร์ตี้ของชาวมิลานว่า Giuro Che Domani Smetto (แปลว่า ฉันสาบานว่าพรุ่งนี้ฉันจะหยุด!) และเมื่อแบรนด์ค่อยๆ กลายมาเป็นแบรนด์แฟชั่น สไตล์อันสุดล้ำของพวกเขาก็ ‘สมมง’ กับคำว่า God can’t destroy streetwear (พระเจ้าไม่สามารถทำลายสตรีทแวร์ได้หรอก) และตัวอักษรย่อเหล่านี้ยังให้ความหมายอันเรียบง่ายว่า Giuliano Calza Design Studio ได้อีกด้วย

สิ่งที่เราชอบอย่างยิ่งในแบรนด์อันไม่เหมือนใครนี้คือ นอกจากมันจะเพิ่มความสนุกให้ผู้สวมใส่ มันยังเป็นแบรนด์ที่เติมความเผ็ดร้อนให้วงการแฟชั่น และค่อยๆ เติบโตมาเป็นแบรนด์ลักชัวรีตามลำดับ มันเป็นทั้งพลังของคนรุ่นใหม่ มีกลิ่นอายของขบถที่ดื้อรั้น และที่สำคัญคือความแหวกแนว ทั้งหมดนั้นถูกขยำมัดรวมกันไว้ในเสื้อผ้าและรองเท้า แม้ในชิ้นที่ดูเรียบก็จะซ่อนรายละเอียดแซ่บๆ ไว้ให้เราเสมอ

ไม่ต้องสงสัยแล้วใช่ไหมว่าทำไมใจถึงเต้นแรง ที่เห็น GCDS ท่ามกลางแบรนด์อื่นๆ ในเซ็นทรัลชิดลม

Coperni แบรนด์จากปารีสที่เป็นปัจจุบันและอนาคตของแฟชั่น

มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เวลาเห็นกระเป๋า Tote bag รูปทรงหัวใจจากแบรนด์ Coperni บวกกับข้อเท็จจริงที่ว่าดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ทั้งสองเป็นคนรักกัน เราก็มักรู้สึกว่าแบรนด์จากฝรั่งเศสแบรนด์นี้มันเท่ขึ้นอีกสองเท่า

Coperni ก่อตั้งโดยดีไซเนอร์คู่รัก Sébastien Meyer และ Arnaud Vaillant มันเป็นแบรนด์ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา จากผลงานดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร และเรื่องราวที่ทำให้เรารู้สึก ‘ว้าว’ อยู่เสมอ


นอกจากกระเป๋าทรงหัวใจที่เห็นเมื่อไหร่ก็อยากลองหยิบมาถือ ก็มีอีกหลายผลงานที่เรียกความสนใจจากวงการแฟชั่น อย่างเช่นกระเป๋าถือรุ่น Air Swipe Bag ที่ทำจากวัสดุทางเคมีที่เรียกว่า ‘แอโรเจล’ วัสดุนี้มีลักษณะคล้ายกับ ‘อากาศ’ ทำให้กระเป๋ามีน้ำหนักเบามากเสมือนเราถือก้อนเมฆ ทั้งยังเป็นผลงานที่ดีไซเนอร์ทำงานร่วมกับนักวิจัยชาวกรีก และวัสดุเดียวกันนี้ก็ยังถูกใช้จริงกับเทคโนโลยีอวกาศด้วย!

และถ้าย้อนกลับไปไม่นาน คลิปวิดีโอหนึ่งที่เป็นไวรัลไปทั่วคือวิดีโอของนางแบบที่ถูกพ่นสเปรย์สีขาว เพียงไม่กี่อึดใจสเปรย์เหล่านั้นก็จับตัวเป็นเส้นใยสังเคราะห์ และกลายเป็นเสื้อผ้าขึ้นมากลางรันเวย์ หลายคนพูดถึงความสร้างสรรค์ของมันว่า นี่แหละแฟชั่น สิ่งที่ไม่หยุดนิ่งและสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้เราเสมอ ใช่แล้ว เป็นอีกครั้งที่ต้องพูดว่าความล้ำเช่นนี้ก็มาจากแบรนด์ Coperni อีกเช่นกัน


ภูมิหลังของดีไซเนอร์ก็แพรวพราวมากทีเดียว เพราะ Arnaud Vaillant เคยทำงานให้แบรนด์ในตำนานตลอดกาลอย่าง Chanel และ Balenciaga ก่อนจะเปิดแบรนด์ของตัวเองในภายหลัง ทำให้ Coperni กลายเป็นส่วนผสมของแฟชั่นที่ทั้งหรู คุณภาพดี และขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยไอเดียสนุกๆ เหนือจินตนาการ

ทุกๆ คอลเลกชันของ Corperni น่าจดจำเสมอ ไม่ว่าพวกเขาจะหยิบวัสดุแบบไหนมาเล่น ทั้งหนัง ยีนส์ กระทั่งแอโรเจล มันจึงทั้งเป็นเสื้อผ้าที่เราสวมใส่เทรนด์ของปัจจุบัน และยังบรรจุความล้ำสมัยแบบที่จะกลายเป็นอนาคตไปพร้อมกัน 

และที่ทำให้หัวใจพองฟูเป็นทรงกระเป๋า Coperni ก็เพราะเราสามารถเลือกชมผลงานดีๆ ของแบรนด์นี้ได้แล้วที่เซ็นทรัลชิดลม ทั้งโซนรองเท้าโดยเฉพาะ และโซนเครื่องแต่งกายด้วย









Share article
  • Line
  • link

RELATED

+

‘เซ็นทรัล’ ซื้อ Selfridges 1.8 แสนล้าน คว้าห้าง 18 แห่งเสริมทัพ หวังรายได้ในยุโรปพุ่ง มุ่งเป็นระดับโลก

ก้าวย่างของ ‘เซ็นทรัล’ อาณาจักรห้างไทยมูลค่าหลายแสนล้าน ที่ตั้งเป้าจะเป็นผู้นำวงการค้าปลีกโลก

ทำไม ‘เซ็นทรัล’ อยากได้พื้นที่ ‘สกาลา’ ทำโครงการใหม่ แม้มีห้างอยู่แล้วทั่วกรุงเทพฯ

ไทยรัฐออนไลน์ ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)

ยอมรับ
Thailand Web Stat