การระบาดของโอมิครอน และการเว้นระยะทางสังคม ทำให้สถิติฆ่าตัวตายฮ่องกงเข้าขั้นวิกฤติ
...
LATEST
Summary
- วันที่ 22-28 มีนาคม 2022 รายงานข่าวระบุว่า ที่ฮ่องกง มีคนพยายามฆ่าตัวตาย 21 คน ซึ่ง 8 คนในจำนวนนี้อายุมากกว่า 65 ปี หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3
- ดัชนีการฆ่าตัวตายในฮ่องกงเข้าขั้นวิกฤติ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ในช่วงเวลาที่ชาวฮ่องกงกำลังเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 5 ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
- ในปี 2003 สถิติการฆ่าตัวตายในฮ่องกงสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ นั่นคือช่วงเวลาของการเผชิญกับโรคซาร์ส มีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายประมาณ 1,200 คน หรือคิดเป็น 18.6 คนต่อประชากร 100,000 คน
...
ดัชนีการฆ่าตัวตายในฮ่องกงเข้าขั้นวิกฤติ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ในช่วงเวลาที่ชาวฮ่องกงกำลังเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 5 ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
ตั้งแต่สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ดัชนีการฆ่าตัวตายค่อยๆ ไต่ขึ้นจากระดับความเสี่ยงต่ำมาอยู่ที่ความเสี่ยงสูง เฉพาะวันที่ 22-28 มีนาคม 2022 รายงานข่าวระบุว่า มีคนพยายามฆ่าตัวตาย 21 คน ซึ่ง 8 คนในจำนวนนี้อายุมากกว่า 65 ปี หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3
พอล ยิป ซิว-ไฟ (Paul Yip Siu-fai) ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและป้องกันการฆ่าตัวตาย มหาวิทยาลัยฮ่องกง ซึ่งเก็บข้อมูลและจัดทำดัชนีการฆ่าตัวตายในฮ่องกงตั้งแต่ปีที่แล้ว เปิดเผยเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2022 ว่า ระหว่างวันที่ 11-18 มีนาคมที่ผ่านมา เฉลี่ยแล้วมีผู้ฆ่าตัวตายมากถึง 4.03 คนต่อวัน ซึ่งถือว่าทะลุระดับวิกฤติเป็นครั้งแรก
ไม่มีรายงานตัวเลขผู้ฆ่าตัวตายอย่างเป็นทางการ แต่เท่าที่มีการรวบรวมข้อมูลจากข่าวรายวัน คาดว่าปีนี้จะมีผู้สูงอายุฆ่าตัวตายถึง 400 คน มากกว่าปีที่แล้ว 1.5 เท่า ขณะที่กลุ่มอายุ 35-54 ปีมีสัดส่วนรองลงมา อันเนื่องมาจากปัญหาสุขภาพและปัญหาทางการเงิน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้สูงอายุคือ มาตรการด้านสาธารณสุขต่างๆ ในช่วงโรคระบาด วินเซนต์ อึ้ง (Vincent Ng) ผู้อำนวยการบริหารขององค์กรการกุศลเพื่อป้องกันการฆ่าตัวตาย กล่าวว่า ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ผู้สูงอายุต้องแยกออกจากสมาชิกคนอื่น ตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม ทำให้เกิดความรู้สึกในแง่ลบ เช่น โดดเดี่ยว เศร้า โกรธ และรู้สึกถูกทอดทิ้ง
มีข้อมูลเปิดเผยว่า เฉพาะ 2 เดือนแรกของปีนี้ ศูนย์ฮอตไลน์ต้องรับสายจากผู้โทรเข้ามาขอความช่วยเหลือมากถึง 22,000 สาย ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 50 เปอร์เซ็นต์
ในปี 2003 สถิติการฆ่าตัวตายในฮ่องกงสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ นั่นคือช่วงเวลาของการเผชิญกับโรคซาร์สและเศรษฐกิจตกต่ำ มีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายประมาณ 1,200 คน หรือคิดเป็น 18.6 คนต่อประชากร 100,000 คน ตัวเลขนี้ค่อยๆ ลดลง จนกระทั่งต้นปีนี้ จนน่ากังวลว่า จำนวนการฆ่าตัวตายอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่าในอดีต
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนเรียกร้องให้ทางการผ่อนคลายมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมบางอย่าง เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุทำกิจกรรมได้มากขึ้น และรู้สึกเชื่อมโยงกับสังคม บรรเทาความกังวล จากการไม่ได้เจอสมาชิกคนอื่นๆ ของครอบครัวมานาน
สถานการณ์โรคระบาดทำให้คนรู้สึกเหนื่อยกายและใจ ยิปแนะนำให้รัฐบาลเปิดชายหาดในตอนเช้าให้ผู้สูงอายุได้ว่ายน้ำ เปิดห้องสมุด หรือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอื่นๆ ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ต้นเดือนนี้ รัฐบาลฮ่องกงประกาศว่าจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมในร้านอาหารและสถานที่อื่นๆ เป็นลำดับขั้น ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน หากตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่กลับมาเพิ่มขึ้นอีก
อ้างอิง scmp.com, hongkongfp.com
