บทเรียนของนายกฯ เศรษฐา อำนาจทางการเมือง หรือจะสู้ ‘ดีลทางการเมือง’
...
LATEST
Summary
- หลังจากที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปลี่ยนใจ ไม่นำกัญชากลับเข้าไปเป็นยาเสพติด แล้วให้ใช้ พ.ร.บ.ควบคุมแทน
- ขณะเดียวกันท่าทีนายกฯ ต่อนโยบายเรือธงอย่าง แจกงานดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มีความมั่นใจมากขึ้นทั้งแหล่งเงินที่จะนำมาให้ประชาชนนั้นยังไม่มีความเรียบร้อย
- อะไรที่ทำให้นายกฯ ยอมถอยออกจากกัญชา เพื่อความฝันที่วาดไว้กับประชาชนหรือไม่ หลังพรรคน้ำเงินจะมีเสียงในมือมากกว่าผู้ที่เป็นนายกฯ
...
1 สิงหาคมนี้ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เปิดให้ประชาชนลงทะเบียน เท่ากับว่ารัฐบาลต้องเร่งเตรียมเงินที่จะให้ประชาชนใช้จ่ายเงินเดือนตุลาคมตามที่ประกาศไว้ให้ได้
วันที่ 31 กรกฎาคม การโหวตงบก้อนแรกที่จะถูกนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี พ.ศ. 2567 พ.ศ. .… โดยสภาลงมติเห็นด้วย 291 เสียง ไม่เห็นด้วน 161 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ซึ่งต่อไปจะถูกส่งให้ สว.พิจารณา ในเดือนสิงหาคม
ก่อนหน้านี้ ทั้งที่งบประมาณยังไม่ทันผ่านดี แต่เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงความชัดเจนและเปิดให้ลงทะเบียนในโครงการแจกเงินหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงของแหล่งเงินหลายครั้ง จนประชาชนรอมาแล้วกว่าปี อะไรที่ทำให้นายกฯ มั่นใจว่าครั้งนี้จะไม่ติดปัญหา
คงมองข้ามวงพูดคุยก่อนวันแถลงข่าวดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้ ที่นายกฯ เรียก สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะอดีตผู้ปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด คงคาดการณ์ได้ไม่ยากว่าเป็นการพูดคุยถึงเรื่องอะไร และอาจจะมีการคุย เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต เช่นกัน
เพราะหากเศรษฐาต้องการให้งบประมาณดิจิทัลวอลเล็ต เกิดขึ้นจริง เสียงของพรรคภูมิใจไทย ถือว่าสำคัญมาก เพราะพรรคสีน้ำเงินตอนนี้ ไม่ได้มีเสียงแค่ สส. แต่ถูกโยงร่วมถึง สว.สีน้ำเงินที่เป็นเสียงข้างมากในวุฒิสภา ในขณะเดียวกันเมื่อภูมิใจไทยโหวตให้พรรคเพื่อไทย แล้วพรรคภูมิใจไทยได้อะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยน
ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นไปตามฝัน เศรษฐาต้องแลกอะไรบ้าง
เริ่ม 1 สิงหาคม ลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ ขณะนี้มียอดผู้สมัครแอปฯ เกินล้านคนแล้ว ถือเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับรัฐบาล หากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตฯ ผ่านไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่พยายามขับเคลื่อนนโยบายเรือธงที่หาเสียงมาโดยตลอดให้กลายเป็นจริง
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม การโหวตงบประมาณก้อนแรกที่จะถูกนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 67 ผ่านสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คงไม่ต้องห่วงแล้วว่าเพื่อไทยจะหาเงินทันแจกประชาชนในเดือนตุลาคม 2567 ไหม เพราะเงินก้อนแรกนั้นมีเสียงมากพอที่จะโหวตผ่าน แม้ในการพิจารณาถัดมาจะต้องผ่านทาง สว.หน้าใหม่ แต่อาจจะไม่ใช่อุปสรรคของพรรคเพื่อไทย พรรคที่ช่างพูดช่างเจรจา
หากย้อนกลับไปช่วงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยก็ขับเคลื่อนมาตลอดเรื่องนำ ‘กัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติด’ และพรรคเพื่อไทยสมัยที่เป็นพรรคฝ่ายค้านในรัฐบาลชุดที่แล้ว ก็เป็นแกนนำคว่ำ พ.ร.บ.กัญชาฯ ของพรรคภูมิใจไทย และนายกฯ เศรษฐาเอง ก็เคยพูดก่อนเลือกตั้งว่า จะไม่เอานโยบายกัญชาเสรี และยังเคยปราศรัยหาเสียงว่ากัญชามอมเมาเยาวชน เลือกภูมิใจไทยได้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนพรรคภูมิใจไทยต้องออกมาแถลงว่าจะฟ้อง เศรษฐา ทวีสิน เพราะใส่ร้าย จูงใจให้เข้าใจผิดในตัวพรรค เรียกได้ว่าตั้งแต่ก่อนเป็นนายกฯ เศรษฐาแสดงออกชัดเจนว่า ‘กัญชา’ ควรถูกควบคุมด้วยกฎหมายยาเสพติด
แต่หลังการเลือกตั้ง ใครจะคาดคิดว่า พรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยจะร่วมรัฐบาลกัน ทำให้หลายคนก็พยายามคาดเดาตอนจบของกัญชาว่าจะเป็นอย่างไร จะถูกควบคุมด้วย ‘บัญชียาเสพติด’ หรือออกกฎหมาย ‘พ.ร.บ.’ มาเพื่อควบคุมไม่ให้เสรีจนเกินไป
ก่อนหน้านี้มีคำสั่งตรงมาจาก เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ให้ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ ให้นำกัญชากลับมาเข้าบัญชียาเสพติดภายในสิ้นปี
ทำให้สมศักดิ์ดำเนินการทันที โดยออกกฎกระทรวงสาธารณสุขนำกัญชากลับเข้าไปเป็นยาเสพติด ทั้งเปิดรับฟังความคิดเห็นนำผลเข้าที่ประชุมคณะกรรมการยา และมีมติออกมาแล้วว่า ‘กัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติด’ โดยเหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีนายกฯ นั่งเป็นประธาน
แต่แล้วเศรษฐาเปลี่ยนใจ ทั้งที่ตอนแรกนายกฯ เร่งที่จะทำผลงานนำกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติด หลังจากมีข่าวว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พบกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยนัดตีกอล์ฟที่เขาใหญ่
จากนั้นวันที่ 23 กรกฎาคม เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียก อนุทิน ชาญวีระกูล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้ที่ขับเคลื่อน ’กัญชาเสรี’ และ สมศักดิ์ รัฐมนตรีสาธารณสุข คนปัจจุบัน ที่พยายามเร่งทำตามคำสั่งนายกฯ ในการนำกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติด และแล้วผลลัพธ์ออกมาว่า กัญชาจะถูกควบคุมด้วย ‘พ.ร.บ.’
อะไรที่ทำให้เศรษฐาเปลี่ยนใจและคงสถานะกัญชาไว้ที่เดิมทั้งที่ก่อนหน้านี้กัญชาเหมือนขึ้นเขียงกำลังจะโดนเชือดแล้ว จนชาวสายเขียวทั้งหลายต้องออกมาปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีของเรายอมถอยเรื่องนี้ เพราะอะไรกัน?
อาจจะเป็นเหมือนสุภาษิตที่ว่า ‘ยื่นหมูยื่นแมว’ คือ การโหวตผ่านงบประมาณแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และปลดล็อกกัญชา ที่เป็นนโยบายเรือธงของทั้งสองพรรค เป็นหมูและแมวที่ยื่นแลกกันสมน้ำสมเนื้อในเวลานี้
พรรคภูมิใจไทย ในสภาฯ เป็นแค่พรรคร่วม และมีเสียงน้อยกว่าพรรคเพื่อไทย แต่สามารถมีอำนาจมากพอในการต่อรองนั้น อาจเป็นผลของวุฒิสภาใหม่ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเชื่อมโยงกับบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เมื่อมองในภาพรวมแล้ว เรียกได้ว่า ภูมิใจไทยกำลังมีอิทธิพลและกุมความได้เปรียบไว้ในมืออย่างมาก
หากคำนวณตามตัวแปรต่างๆ การที่เศรษฐาเลือกให้กัญชาเดินทางใหม่โดยใช้กฎหมายควบคุม ถือเป็นหนึ่งบทเรียนหากจะเล่นการเมือง ว่าการเมืองไม่ใช่เพียงมีตำแหน่งสูงจะมีอำนาจมากที่สุด แต่ผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดคือผู้ที่มีเสียงในมือมากกว่า ฉะนั้นก่อนที่จะพูดอะไรให้ประชาชนฟังควรที่จะดูให้ดีว่าเรามีอำนาจมากพอที่จะไม่พึ่งใครหรือไม่
เพราะการเมืองไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้อำนาจเท่านั้น แต่คือการบริหารจัดสรรอำนาจ ที่สำคัญคือการสร้างความร่วมมือ ข้อตกลง หรือ ‘ดีล’ ต่างๆ ทำให้นายกรัฐมนตรี แม้เป็นผู้มีอำนาจมากที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะทำตามความต้องการของตนเองได้หมดทุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม สถานะกัญชาในปัจจุบันยังคงเป็น ‘กัญชาเสรี’ โดยการดึงกลับไปเป็นยาเสพติดถูกชะลอให้โดยนายกฯ ซึ่งรอการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กัญชา 4 ร่าง ที่ขณะนี้ถูกเสนอแก่นายกฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว คือการเข้าพิจารณาก็ใช้ระยะเวลาพอๆ กับงบประมาณก้อนอื่นๆ ของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตฯ ก็หวังว่าการยื่นหมูยื่นแมวในครั้งนี้ภายในรัฐบาลจะผ่านไปได้ด้วยดี
