ตอนนี้เขาพัฒนา ‘เมตาเวิร์ส’ กันไปถึงไหน บริษัทระดับโลกซุ่มเตรียมอะไรไว้บ้าง

นับตั้งแต่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก (Facebook) แถลงลงทุนมุ่งพัฒนาเมตาเวิร์ส (metaverse) และรีแบรนด์ชื่อบริษัทเป็น ‘เมตา’ (Meta) เมื่อปีที่แล้ว เมตาเวิร์สก็เป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจมากขึ้น  

เราทราบถึงอิทธิพลของเฟซบุ๊กกันดี เมื่อบริษัทเฟซบุ๊กลงทุนลงแรงขนาดนี้ ธุรกิจอื่นในแวดวงเดียวกัน หรือแวดวงอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและอ้อมย่อมปรับตัวรับมือกับปลายทางของเมตาเวิร์สที่จะเกิดขึ้น ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าไปอยู่ในโลกเสมือน มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งานและสภาพแวดล้อมต่างๆ ในโลกเสมือนซึ่งเชื่อว่าน่าจะใช้งานกันกว้างขวางมากขึ้นในอนาคตอันใกล้และเป็นโอกาสทำรายได้มหาศาลด้วย

ไทยรัฐพลัสชวนมาอัปเดตกันว่า ณ เวลานี้ ใครพัฒนาโครงสร้างและปัจจัยประกอบเมตาเวิร์สกันไปถึงไหนบ้างแล้ว  

เกม

เกมเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยีแห่งอนาคต และตลาดกลุ่มหลักของเมตาเวิร์สคือกลุ่มเกมออนไลน์และอุปกรณ์สำหรับการเล่นเกม 

ความเคลื่อนไหวชัดเจนที่สุดในตลาดเกมคือ บริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) ประกาศแผนเข้าซื้อ แอกติวิชั่น บลิซซาร์ด (Activision Blizzard) บริษัทชื่อดังที่ผลิตและถือครองสิทธิ์เกมดังระดับตำนานจำนวนมากและมีฐานเกมเมอร์เล่นกันจำนวนมหาศาล เช่น เกม Call of Duty, Overwatch, Warcraft, StarCraft และอีกมากมาย 

ไมโครซอฟท์ประกาศชัดเจนว่า นอกจากจะเป็นไปเพื่อพัฒนาสายธุรกิจเกมในอุปกรณ์ต่างๆ ดีลนี้ยังจะมีบทบาทสำคัญต่อการวางรากฐานอีกขั้นสำหรับการเข้าสู่เมตาเวิร์สด้วย 

สำหรับบริษัทเมตา ระบบเล่นเกมผ่านอุปกรณ์ VR เป็นอีกหมวดที่เมตาให้ความสำคัญ ในหมวดนี้เมตามีชุดอุปกรณ์ที่เรียกว่า Oculus Quest ซึ่งได้เสียงตอบรับที่ซักเคอร์เบิร์กใช้คำว่า “เซอร์ไพรส์” 

ขณะที่พัฒนาตัวอุปกรณ์ต่อเนื่อง เมตาก็ยังประกาศจับมือกับค่ายเกมที่สร้างเกม GTA เกม open world ระดับตำนานด้วย และแน่นอนว่า เมตาไม่ขาดตกบกพร่องทั้งฝั่งระบบไปจนถึงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ 

อุปกรณ์หลักตัวชูโรง

สำหรับก้าวต่อไป บริษัทเมตาเพิ่งเปิดเผยอุปกรณ์ที่เรียกว่า ‘โปรเจกต์ แคมเบรีย’ (Project Cambria) เป็นอุปกรณ์ VR อีกขั้นหนึ่งที่ล้ำกว่า Quest (แต่ไม่ได้มาแทนที่) สิ่งที่น่าจับตาคือการผสานกันระหว่าง AR ทำให้ได้ประสบการณ์การมองภาพเสมือนหรือปฏิสัมพันธ์กับภาพเสมือนในความรู้สึกสมจริงราวกับอยู่ในโลกความเป็นจริง คาดกันว่าอาจได้เห็นการเปิดตัวในปี 2022 นี้

อุปกรณ์ VR ของเมตาที่ออกมาจะไม่ได้เน้นแค่เล่นเกมเท่านั้น อุปกรณ์เหล่านี้สามารถนำมาใช้ตอบสนองการทำงานในชีวิตจริง ใช้สำหรับสร้างประสบการณ์การทำงานในโลกเสมือนที่ยกระดับการปฏิสัมพันธ์กัน ไปจนถึงเรื่องใช้งานเป็นพื้นที่สำหรับสื่อสังคมออนไลน์ในการติดต่อสื่อสาร และทำกิจกรรมร่วมกันในโลกเสมือน เช่น ออกกำลังกาย 

เจ้าอุปกรณ์แว่น VR (ไปจนถึงแบบผสม AR) ถือเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างโลกจริงกับโลกเสมือนเข้าหากัน บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกส่วนใหญ่ตั้งแต่ไมโครซอฟท์ ไปถึงแอปเปิล (Apple) ล้วนมีอุปกรณ์แว่น VR ในสายงานของตัวเอง บางรายมีผลิตตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว และพร้อมรองรับการใช้งาน หรือมีฟีเจอร์พิเศษเฉพาะตัวตามเอกลักษณ์แต่ละแบรนด์ 

การใช้งานของแต่ละผลิตภัณฑ์ก็หลากหลาย ตั้งแต่สำหรับสายธุรกิจ อุตสาหกรรมยานยนต์ พัฒนาโปรแกรม ตัวอย่างเช่น แอปเปิลมีข่าวแว่วว่าอาจเปิดตัวอุปกรณ์ AR ในปี 2022 ก็เป็นได้ หลังมีข่าวลือเรื่องซุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ AR มาระยะหนึ่ง จากที่ก่อนหน้านี้มี ARKit เป็นชุดเครื่องมือสำหรับพัฒนา AR สำหรับอุปกรณ์ของแอปเปิลอยู่แล้ว

หรือกรณีของไมโครซอฟท์ มีโฮโลเลนส์ (Hololens) ซึ่งออกมาตั้งแต่ปี 2015 แต่วางตำแหน่งการตลาดเป็นอุปกรณ์สำหรับสายการผลิตในอุตสาหกรรมเสียมากกว่า กระทั่งออกอีกเวอร์ชันเมื่อปี 2019 ที่ใช้งานได้กว้างขึ้น

ผลิตภัณฑ์อุปโภค/บริโภค และบริการ

ลองข้ามมาดูโปรดักต์ด้านอื่นนอกเหนือจากเกม ตัวอย่างที่ฉายภาพชัดเจนคือไนกี้ (Nike) ผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาระดับโลก มีรายงานว่า ไนกี้ ลงทุนซื้อบริษัทที่ผลิตรองเท้าในโลกเสมือน ชื่อ RTFKT Studios เป็นบริษัทที่เพิ่งตั้งเมื่อปี 2020

เป็นที่ทราบกันว่า ไอเดียโลกเสมือนเกิดขึ้นมานานแล้ว ตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ชีวิตอยู่ในโลกจินตนาการก็ย่อมต้องดำเนินชีวิตในโลกเสมือนเช่นกันกับในโลกจริง ตัว ‘อวาตาร์’ (Avatar) สามารถมีรูปลักษณ์ภายนอกได้ ต้องสวมใส่เครื่องนุ่งห่มเช่นกันกับในโลกจริง นั่นจึงต้องมีผู้ผลิตและขายสิ่งของใช้สอยต่างๆ และสิ่งของในโลกเสมือนเหล่านั้นก็มีมูลค่าไม่ต่างจากสินค้าในโลกความเป็นจริง

นอกจากนั้น มีความเป็นไปได้ว่า ในอนาคต เมื่ออยู่ในโลกเสมือน ไม่ว่าจะขณะเล่นเกม หรือในพื้นที่เสมือน สินทรัพย์ที่ถือครองจะมาปรากฏขึ้นได้หากพื้นที่เหล่านี้เชื่อมต่อหรืออ่านค่าจากข้อมูลในรูปแบบที่เรียกว่า ‘บล็อกเชน’ (Blockchain) และยืนยันได้ด้วยว่าผู้ใช้งานรายนั้นเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นๆ 

ที่เห็นเป็นข่าว ส่วนมากก็เป็นสิ่งที่มีการพัฒนาและใช้งานกันมาก่อนที่คำว่า ‘เมตาเวิร์ส’ จะได้รับความสนใจเป็นวงกว้างทั่วโลกขนาดนี้ อาจเป็นไปได้ว่ายังมีใครที่ซุ่มพัฒนาอะไรล้ำๆ ไปกว่านี้อยู่ หรืออาจเป็นไปได้อีกเช่นกันว่า จริงๆ แล้วเมตาเวิร์สก็อาจจะไม่มีอะไรที่ใหม่ไปกว่านี้ เพียงแต่จะพัฒนาคุณสมบัติการใช้งาน และมีการออกแบบ experience รูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้นเท่านั้น 

อ้างอิง : theverge, reuters, cnbc, cbsnews, forbes, venturebeat, businessinsider, fb.com