Humberger Menu

เรียนนายจ้างที่เคารพ ค่อยคุยกันวันจันทร์ ออสเตรเลียออกกฎหมาย 'เลิกงานแล้วไม่ต้องรับสาย-ตอบข้อความ'

-ก
+
Light
Dark
ฟังบทความ

Everyday Life

Live & Learn

Lifestyle

29 ส.ค. 67

creator
กองบรรณาธิการ
BookmarkLineCopy
-ก
+
Light
Dark
ฟังบทความ

...

Summary
  • ออสเตรเลียออกกฎหมายคุ้มครองพนักงานที่รู้สึกว่าถูกบังคับให้รับสาย ตอบข้อความ หรืออ่านข้อความหลังเลิกงาน โดยรู้จักกันภายใต้ชื่อ ‘Right to disconnect’ (สิทธิที่จะตัดการเชื่อมต่อ)
  • กฎหมายใหม่นี้ไม่ได้สั่งให้นายจ้างห้ามติดต่อกับคนทำงานโดยเด็ดขาด แต่เป็นกฎหมายที่อนุญาตให้พนักงานสามารถ ‘เพิกเฉย’ ต่อการสื่อสารใดๆ นอกเวลางานได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกลงโทษ

...


ชีวิตที่เรามีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอินเทอร์เน็ตติดตัว ในอีกมุมก็ไม่ต่างอะไรกับชีวิตที่ ‘งาน’ คอยติดตามเราไปได้ทุกที่ทุกเวลา และหนึ่งสิ่งที่ทำให้หลายคนกังวลใจเอามากๆ คือข้อความจากนายจ้างที่โผล่มานอกเวลางาน 

ประเทศออสเตรเลียเล็งเห็นปัญหานี้ และล่าสุดได้ออกกฎหมายคุ้มครองพนักงานที่รู้สึกว่าถูกบังคับให้รับสาย ตอบข้อความ หรืออ่านข้อความหลังเลิกงาน โดยรู้จักกันภายใต้ชื่อ ‘Right to disconnect’ (สิทธิที่จะตัดการเชื่อมต่อ) 

กฎหมายใหม่นี้ไม่ได้สั่งให้นายจ้างห้ามติดต่อกับคนทำงานโดยเด็ดขาด แต่เป็นกฎหมายที่อนุญาตให้พนักงานสามารถ ‘เพิกเฉย’ ต่อการสื่อสารใดๆ นอกเวลางานได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกลงโทษ หรือพูดง่ายๆ ว่าแม้นายจ้างจะส่งข้อความมาเช้าวันอาทิตย์ แต่คนทำงานก็เลือกที่จะไม่อ่านหรือไม่ตอบได้นั่นเอง 

อย่างไรก็ตาม กฎนี้ก็ยังต้องเป็นไปตามความสมเหตุสมผล ซึ่งนายจ้างและลูกจ้างจำต้องตกลงหาข้อยุติกันเองว่ากรณีไหนเข้าข่าย ‘จำเป็นจริงๆ’ ที่จะต้องติดต่อสื่อสาร แต่หากมีข้อพิพาทแล้วหาข้อยุติไม่ได้ ก็จะมีคณะกรรมการ Fair Work Commission (FWC) ของออสเตรเลียเข้ามามีส่วนร่วม คณะกรรมการจะพิจารณาว่าในกรณีนั้นๆ ควรเป็นฝ่ายนายจ้างที่ต้องหยุดติดต่อลูกจ้าง หรือสามารถสั่งให้ลูกจ้างตอบกลับได้เช่นกัน

กฎหมายดังกล่าวมีโทษทางกฎหมายเป็นการปรับ โทษสูงสำหรับพนักงานคิดเป็นค่าปรับกว่า 19,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 430,000 บาทไทย และโทษสูงสุดสำหรับบริษัทหรือองค์กรคิดเป็นค่าปรับกว่า 94,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือกว่าสองล้านบาทไทย

สภาสหภาพแรงงานออสเตรเลียกล่าวว่า “กฎนี้จะช่วยให้คนทำงานปฏิเสธการติดต่อสื่อสารนอกเวลางานที่ไม่สมเหตุสมผล และทำให้เกิดสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานมากขึ้น” 

ส่วนประโยชน์ของนายจ้างต่อกฎนี้ จอห์น ฮอปกินส์ นักวิชาการในออสเตรเลียได้กล่าวว่า “องค์กรใดก็ตามที่พนักงานได้พักผ่อน และมีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน ย่อมทำให้มีพนักงานลาป่วยน้อยกว่า และมีโอกาสลาออกจากบริษัทน้อยกว่าด้วย”

ไอเดียว่าบริษัทต่างๆ จะได้ประโยชน์จากกฎนี้ ถูกยืนยันอีกเสียงโดย ดร.กาเบรียล โกลดิง นักวิชาการจากโรงเรียนกฎหมาย มหาวิทยาลัยแอดิเลด โดยดร.กาเบรียลเสนอว่าหากการทำงานล่วงเวลาที่ไม่ได้รับค่าจ้างลดลงจะนำไปสู่อัตราความเครียดและความเหนื่อยหน่ายที่น้อยลงด้วย

“พนักงานจะจบวันทำงานของตัวเองอย่างขัดเจน และไม่มีภาระในการติดต่อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานในเวลาส่วนตัวอีกต่อไป เว้นแต่จะมีข้อยกเว้นที่สมเหตุสมผลบางประการ

“ผลลัพธ์นี้ส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางสังคมในด้านคุณค่าที่มีต่อการทำงาน รวมถึงความเป็นอยู่ที่ดีและเวลาส่วนตัวด้วย”

“ชีวิตคือการใช้ชีวิต และงานของคุณเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต – ไม่ใช่ทั้งหมด” ดร.กาเบรียลกล่าว


อ้างอิง :



Share article
  • Line
  • link

RELATED

+

ทำไมไซโคลนอัลเฟรดถล่มออสเตรเลีย ถึงปลุกกระแส ‘ไม่เชื่อเรื่องโลกร้อน’ ขึ้นมาได้?

เครือจักรภพยุคชาร์ลส์ที่ 3 อาจยังไม่ถึงเวลาทิ้งระบอบกษัตริย์ เพื่อนับถอยหลังสู่สาธารณรัฐ

The Great Emu War ก่อนคิดสู้กับปลาหมอคางดำ ครั้งหนึ่งมนุษย์เคยแพ้ในสงครามกับนกอีมู

อาชีพ ‘ช่างเสริมสวย’ ก็สามารถช่วยเหลือ ‘เหยื่อความรุนแรงในครอบครัว’ ได้นะ

‘เสือแทสมาเนีย’ สัตว์สูญพันธ์ุเกือบหนึ่งศตวรรษ อาจฟื้นคืนชีพได้ภายใน 10 ปี

ไทยรัฐออนไลน์ ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)

ยอมรับ
Thailand Web Stat