Humberger Menu

Slice of Life : เมื่อแม่ตาย

-ก
+
Light
Dark
ฟังบทความ

Politics & Society

Lifestyle

20 ส.ค. 65

creator
โตมร ศุขปรีชา
BookmarkLineCopy
-ก
+
Light
Dark
ฟังบทความ

...

Summary
  • Slice of Life คือความเรียงว่าด้วยชีวิตเล็กๆ ของผู้คนที่อยู่รายล้อมรอบตัวของเราในสังคม ชีวิตที่อาจมีคนมองเห็น หรือมองไม่เห็น แต่หากเชื่อว่า ทุกชีวิตมีเรื่องเล่า เราก็จะเห็นความสำคัญของชีวิตผู้คน …เช่นเดียวกับแม่ของเขาที่มีความดำคล้ำอยู่บนใบหน้า หลังสร้างครอบครัวกับพ่อ เป็นความดำทะมึนที่มีที่มาจากภายใน เหมือนเงาของความตายที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหา

...


“เคยอยากรู้ - ว่าถ้าแม่ตายไปจะเป็นยังไง” เขาบอก

แม่ของเขาตายตอนสิบเอ็ดโมงเช้า มันเป็นวันที่ปกติสามัญที่สุด แม้เขาจะเป็นลูกผู้ชาย และเป็นพี่ชายคนโต แต่เป็นเขานี่เองที่อยู่บ้านกับแม่

บ้านของเขาเป็นบ้านสวน อยู่ในอำเภอที่ไกลที่สุดของจังหวัดที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางความเจริญอย่างกรุงเทพฯ ราวสามร้อยกิโลเมตร นั่นเป็นภาระของน้องสาวผู้ทำงานอยู่ในเมืองหลวง ที่นอกจากจะคอยส่งเงินทองมาให้เขาและแม่แล้ว น้องยังต้องขับรถเดินทางจากเมืองใหญ่มาเยี่ยมเขาและแม่เป็นประจำด้วย

ตั้งแต่เดือนเมษายนมาแล้ว ที่แม่เปลี่ยนไปจากเดิม

ก่อนหน้านี้ แม่ยังพูดได้ และบางวันก็ถึงขั้นยังเดินได้โดยไม่ต้องใช้รถเข็นด้วยซ้ำ

แม่เป็นคนสวย ร่างของแม่เคยสูงโปร่ง นั่นทำให้แม่เป็นที่หมายปองของผู้ชายมากมาย รวมทั้งพ่อ 

ทั้งคู่หนีตามกัน แม่รักพ่อสุดหัวใจ แม้ค้นพบภายหลังว่า พ่อไม่ใช่เจ้าชายรูปงามร่ำรวยดังที่เขาเคยบอก แต่เป็นเจ้าของที่ผืนเล็กๆ ในดินแดนห่างไกล แม่ก็ไม่ปริปากบ่น แม่อาจคิดว่า เมื่อได้มอบชีวิตให้กับใครไปแล้ว แม่จะต้องอยู่กับเขาไปจนชั่วชีวิต

แล้วทั้งคู่ก็หักร้างถางพงทำไร่ทำสวนอยู่ด้วยกันตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาว ตั้งแต่สมัยที่บ้านไร่นั้นไม่มีไฟฟ้าใช้ มีเพียงตะเกียงเจ้าพายุดวงโตคอยให้แสงยามค่ำคืน ก่อนที่ลูกๆ จะลืมตามาดูโลก

ทั้งคู่พยายามครั้งแล้วครั้งเล่า บางปีผลผลิตดี แต่บางปีผลผลิตก็ไม่ดี ไม่มีผลไม้ออกมากนักดังที่หวัง แต่ทั้งคู่ก็ยังต่อสู้ต่อไป ลูกสาวที่เรียนดีได้เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ และร่ำเรียนต่อไปจนจบ ได้ทำงานดีๆ มีเงินส่งเสียจุนเจือ ในขณะที่ลูกชายไม่ค่อยสนใจการเรียนเท่าไรนัก เขาชอบจับตะพาบน้ำในบ่อ เล่นซ่อมเครื่องยนต์ จนในที่สุดก็เปิดอู่ซ่อมรถเล็กๆ

เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละปี ทีละสิบปี และทีละชั่วชีวิต

พ่อจากไปเมื่อยี่สิบปีก่อนโน้น ตอนพ่อป่วย พวกเขาส่งพ่อมารักษาตัวที่กรุงเทพฯ ดังนั้นงานศพจึงจัดที่นั่น และเถ้ากระดูกส่วนหนึ่งของพ่อก็ยังคงอยู่ที่นั่น ห่างไกลเหลือเกินจากดินแดนที่พ่อรัก

เมื่อแม่อายุเลยแปดสิบปี ลูกๆ บอกญาติๆ ว่า ใครอยากมาเยี่ยมก็ให้รีบมาเยี่ยมเสียนะ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าแม่จะออกเดินทางไกลเมื่อไร ความเจ็บออดๆ แอดๆ ตามประสาคนแก่นั้น มันไม่เคยลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นทีละนิดๆ และบางคราวก็เพิ่มขึ้นมาวูบใหญ่ 

คำว่า ‘ทรงและทรุด’ เป็นเหมือนคาถาสำหรับบั้นปลายชีวิต แค่ ‘ทรง’ ก็ถือเป็นพรอันประเสริฐแล้ว แต่ต่อให้ ‘ทรุด’ แม่ก็ยังบอกลูกๆ ว่าไม่เป็นไรหรอก ถึงอย่างไรวันหนึ่งก็จะต้องถึงที่แห่งความยุติอยู่ดี


เมื่อมาเจอพ่อ แม่ก็เปลี่ยนจากครูมาเป็นชาวสวน ผิวที่เคยกระจ่างใสของแม่คล้ำลง หลังเลยห้าสิบหกสิบปีแล้ว ผิวของแม่ก็เหี่ยวย่นลงอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ไม่มีใครคิดหรอกว่า ความแก่นั้นจะสามารถ ‘แก่’ ลงไปได้อีกเรื่อยๆ ไม่หยุดยั้ง เมื่อล่วงเข้าอายุแปดสิบปี ความแก่ได้โหมกระหน่ำเข้าทำลายและฉีกทึ้งอวัยวะทุกส่วนของแม่ลง

share


แม่เคยเป็นครู เคยสอนในโรงเรียน เคยแต่งตัวสวยไปสร้างความใฝ่ฝันแสนงามให้เด็กๆ แต่เมื่อมาเจอพ่อ แม่ก็เปลี่ยนจากครูมาเป็นชาวสวน ผิวที่เคยกระจ่างใสของแม่คล้ำลง หลังเลยห้าสิบหกสิบปีแล้ว ผิวของแม่ก็เหี่ยวย่นลงอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ไม่มีใครคิดหรอกว่า ความแก่นั้นจะสามารถ ‘แก่’ ลงไปได้อีกเรื่อยๆ ไม่หยุดยั้ง เมื่อล่วงเข้าอายุแปดสิบปี ความแก่ได้โหมกระหน่ำเข้าทำลายและฉีกทึ้งอวัยวะทุกส่วนของแม่ลง

แม่ไม่ได้เพียงอ่อนแรงลงเท่านั้น แต่ใบหน้าของแม่ที่คล้ำอยู่แล้วเพราะการสู้แดด ก็ยิ่งดำเป็นปื้น ไม่ใช่ดำเพราะต้องแดด แต่เป็นความดำทะมึนที่มีที่มาจากภายใน เหมือนเงาของความตายที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหา

พี่ชายของแม่ที่ตายไปเมื่อหลายปีก่อน ก่อนตายเขาก็มีความดำชนิดนี้เกิดขึ้น แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นที่ใบหน้า ทว่าเกิดจากขา แล้วค่อยๆ ลามขึ้นมาขณะที่เขานอนนิ่งอยู่บนเตียงเพื่อรอเวลาสุดท้าย ความดำนั้นไม่ใช่สี แต่คือความหมอง เหมือนอุโมงค์มืดที่ค่อยๆ กัดกินชีวิต

บางคนเกิดที่ขา บางคนเกิดที่มือ บางคนเกิดที่ศีรษะ ส่วนของแม่เกิดที่ใบหน้า

เช้าวันนั้น แม่กินอาหารได้ตามปกติ คือกินเพียงน้อยนิดราวกับไม่อยากมีชีวิตอยู่ ผู้เป็นลูกชายไม่ได้คิดอะไร เขาไปทำธุระโน่นนั่นนี่ในบ้าน ปัดกวาดเช็ดถู ล้างจาน แต่เมื่อเดินมาดูแม่อีกหน เขาสังเกตเห็นว่ามีแมลงหวี่ตอมใบหน้าดำคล้ำของแม่อยู่ เขาพยายามปลุกแม่ แต่แม่ได้นอนสงบนิ่งละทิ้งเขาไปเสียแล้ว

“เคยอยากรู้ - ว่าถ้าแม่ตายไปจะเป็นยังไง” เขาบอก 

และตอนน้ี เขาก็ได้รู้แล้ว


Illustration: Nuttal-Thanatpohn Dejkunchorn




Share article
  • Line
  • link

RELATED

+

Neilson Hays Bangkok Literature Festival 2023 เทศกาลวรรณกรรมนานาชาติ ยกระดับวรรณกรรมไทย ขับเคลื่อนประเด็นทางสังคม

ชวนอ่าน The Knowledge นิตยสารออนไลน์ของ OKMD ที่ย่อยองค์ความรู้ ให้เราได้ต่อยอดการเรียนรู้

คุยข้ามโต๊ะกับ โตมร ศุขปรีชา นักแปลผู้ผลิบานจากงานเขียนของ แอนโทนี บอร์เดน และ ฮารูกิ มูราคามิ

‘ชวนเชื่อ’ แล้วไปไหน? : วิทยาศาสตร์แห่งการโฆษณาชวนเชื่อ

วิทยาศาสตร์เบื้องหลัง ‘กลิ่นหนังสือ’

ไทยรัฐออนไลน์ ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)

ยอมรับ
Thailand Web Stat