Zom 100 : ตามส่อง ‘100 สิ่งที่อยากทำก่อนจะกลายเป็นซอมบี้’ ที่โคตรปั่น ทั้งฉบับอนิเมะ และหนังคนแสดง
...
LATEST
Summary
- Zom 100: Bucket List of the Dead ถือกำเนิดจากการเป็นมังงะที่เขียนเรื่องโดย ฮาโระ อาโซะ (ผู้เขียน Alice in Borderland) และถูกตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา ซึ่งเมื่อมันเป็นมังงะแนวเซเน็น (Seinen) ที่เน้นไปยังผู้อ่านเพศชายในวัยนักศึกษามหาวิทยาลัยจนถึงวัยทำงาน พล็อตเรื่องและตัวละครหลักจึงค่อนข้างเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของผู้อ่านพอสมควร
- มังงะเล่าถึง เท็นโด อากิระ พนักงานบริษัทน้องใหม่วัยต้นยี่สิบ ที่แม้จะเริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยความสดใสซาบซ่า แต่เมื่อเริ่มติดหล่มอยู่ใน ‘ลูปนรก’ แห่งการทำงานของบริษัทที่ทำอยู่มานาน เขาก็กลายเป็นเหมือน ‘ซอมบี้’ ในโลกมนุษย์เงินเดือน ที่สิ้นไร้ ทั้งแรงกาย แรงใจ และแรงฝัน ต่างจากวันแรกของการทำงาน …กระทั่งกองทัพ ‘ซอมบี้ตัวจริง’ เข้าครองเมือง อากิระจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และหวังว่าตนจะสามารถลงมือทำ 100 สิ่งที่อยากทำได้ ก่อนที่เขาจะกลายเป็นซอมบี้เสียเอง!
- แน่นอนว่าด้วยพล็อตอันสดใหม่และน่าสนใจเช่นนี้ มังงะจึงถูกดัดแปลงมาเป็นเวอร์ชันอนิเมะในชื่อ Zom 100: Bucket List of the Dead ซึ่งเพิ่งออกอากาศไปภายในเดือนกรกฎาคมนี้ไปแล้วเป็นจำนวนสองตอน และสร้างเสียงลือเสียงเล่าอ้างในแง่ของการ ‘ปั่นประสาท’ ผู้ชมได้อย่างอยู่หมัด ด้วยการออกแบบสุดเจ๋งของเรื่องเล่า ขณะที่เวอร์ชันภาพยนตร์คนแสดง ที่กำลังจะออกฉายในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ ก็ได้ เอจิ อากาโสะ นักแสดงหนุ่มร้อยลีลาแห่งซีรีส์ยอดฮิต Cherry Magic มารับบทอากิระ จนเรามีความหวังว่าฉบับหนังจะ ‘โคตรปั่น’ ไม่ต่างจากฉบับอนิเมะ
...
อีกหนึ่งผลงานภาพเคลื่อนไหวที่ถูกพูดถึงในหมู่ผู้ชมชาวไทยขณะนี้ คงหนีไม่พ้น Zom 100 ที่มีชื่อภาษาไทยว่า ‘ซอม 100 - 100 สิ่งที่อยากทำก่อนจะกลายเป็นซอมบี้’ ซึ่งกำลังเริ่มต้นโลดแล่นอยู่บนหน้าจอ Netflix ทั้งในเวอร์ชันซีรีส์อนิเมะ และภาพยนตร์คนแสดง – โดยนอกจากพล็อตที่ ‘สุดโต่ง’ แล้ว งานออกแบบต่างๆ ที่ใช้ในการเล่าเรื่องก็ยัง ‘สุดติ่ง’ ซึ่งช่วยส่งเสริมการปั่นประสาทให้ผู้ชมได้ไม่แพ้กัน!
Zom 100 ถือกำเนิดจากการเป็นมังงะชื่อ Zonbi ni Naru made ni Shitai 100 no Koto ที่เขียนเรื่องโดย ฮาโระ อาโซะ (ผู้เขียน Alice in Borderland) และวาดภาพโดย โคตาโระ ทากาตะ ซึ่งถูกตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา (มีลิขสิทธิ์แปลไทยโดย Zenshu Comics) และเมื่อมันเป็นมังงะแนวเซเน็น (Seinen) ที่เน้นไปยังผู้อ่านเพศชายในวัยนักศึกษามหาวิทยาลัยจนถึงวัยทำงาน พล็อตเรื่องและตัวละครหลักจึงค่อนข้างเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของผู้อ่านพอสมควร อีกทั้งยังมีความซับซ้อนทางบริบทของเรื่องราวมากกว่าการ์ตูนโชเน็น (Shounen) สำหรับเด็กผู้ชายขึ้นมาอีกหน่อย
โดยมังงะเล่าถึง เท็นโด อากิระ พนักงานบริษัทน้องใหม่วัยต้นยี่สิบ ที่แม้จะเริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยความสดใสซาบซ่า แต่เมื่อเริ่มติดหล่มอยู่ใน ‘ลูปนรก’ แห่งการทำงานของบริษัทที่ทำอยู่มานาน เขาก็ค่อยๆ กลายสภาพเป็นคนที่เอาแต่ยอมทำงานตามคำสั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนปล่อยให้ห้องหับเต็มไปด้วยถุงขยะ กินข้าวไม่เป็นเวลา หลับตาไม่ลง และถึงหลับลงก็ไม่อยากแม้แต่จะลุกตื่นขึ้นไปพบเจอกับวิถีการทำงานอันแสนโหดร้าย – คล้ายกับ ‘ซอมบี้’ ในโลกมนุษย์เงินเดือน ที่สิ้นไร้ทั้งแรงกาย แรงใจ และแรงฝัน ต่างจากวันแรกของการทำงาน
จนกระทั่งวันหนึ่ง ทุกอย่างก็ถึงคราวยุติลง เมื่อเกิดเหตุการณ์ซอมบี้บุกเมืองโตเกียว ซึ่งนำพาเอาบรรยากาศแห่งการหนีตายและความสิ้นหวังต่อการมีชีวิตอยู่ให้แผ่ปกคลุมไปทั่วทุกหัวระแหง แต่คนที่ไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นกลับเป็นอากิระ เพราะเขาพบว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตวัยทำงาน ที่โลกกลับมามีสีสันสดใสได้อีกครั้ง
เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ในลูปนรกแห่งการทำงานอีกต่อไป และมีเวลาเหลือเฟือในการลงมือทำ 100 สิ่งที่อยากทำในโลกใบนี้ ก่อนที่เขาจะถูกซอมบี้กัดและกลายเป็นพวกมันเข้าในวันใดวันหนึ่ง!
แน่นอนว่าด้วยพล็อตอันสดใหม่และน่าสนใจเช่นนี้ มังงะจึงถูกดัดแปลงมาเป็นเวอร์ชันอนิเมะในชื่อ Zom 100: Bucket List of the Dead ซึ่งเพิ่งออกอากาศไปภายในเดือนกรกฎาคมนี้ไปแล้วเป็นจำนวนสองตอน และสร้างเสียงลือเสียงเล่าอ้างในแง่ของการ ‘ปั่นประสาท’ ผู้ชมได้อย่างอยู่หมัด
เพราะแม้ว่าจะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นอนิเมะ แต่ Zom 100 ก็สามารถสร้างบรรยากาศความ ‘ดาร์ก’ ที่เต็มไปด้วยความหม่นมืดผ่านงานออกแบบ ทั้งในแง่ของฉากหลังที่มีการใช้สีขาวดำสลับกับสีสันฉูดฉาด รวมถึงแสงเงาที่สร้างความขมุกขมัว หรือความคลุมเครือไม่น่าไว้ใจให้กับผู้ชมได้ และสีหน้าท่าทาง หรือพฤติกรรมต่างๆ ของเหล่าตัวละครทั้งมนุษย์และซอมบี้ ที่ดูไปดูมาก็ ‘น่ากลัว’ ไม่ต่างกัน
– ซึ่งสิ่งที่น่าลุ้นยิ่งไปกว่านั้นก็คือการกระทำแบบ ‘ไม่คิดหน้าคิดหลัง’ ของตัวละครเอกวัย 24 อย่าง อากิระ ที่ทำให้เราเดาทางไม่เคยถูกว่าเขาจะตัดสินใจทำอะไรในฉากถัดไปกันแน่
ทั้งตอนที่จู่ๆ เขาทำหน้าตาดีใจขึ้นมาเมื่อได้รู้ว่าซอมบี้ครองเมืองจนไม่ต้องไปทำงาน, ตอนที่เขาสารภาพรักกับพนักงานสาวคนหนึ่งในวันที่เธอกำลังกลายร่างเป็นซอมบี้ต่อหน้า, ตอนที่เขาตัดสินใจปีนลงตึกแล้วขี่จักรยานเพื่อไป ‘เติมเบียร์’ ท่ามกลางกองทัพซอมบี้ผู้หิวกระหาย ไปจนกระทั่งตอนที่เขาตั้งใจจะบรรลุ 100 สิ่งที่อยากทำในโลกซอมบี้ถัดจากนี้
และถึงแม้ว่าเวอร์ชันภาพยนตร์คนแสดง หรือไลฟ์แอ็กชัน ในชื่อเดียวกันนี้ จะยังไม่ออกฉาย (จนกว่าจะถึงวันที่ 3 สิงหาคมนี้) แต่เราก็ค่อนข้างแน่ใจว่ามันจะ ‘โคตรปั่น’ ไม่ต่างจากฉบับอนิเมะ
เพราะเพียงแค่ได้เห็นตัวอย่างบางส่วนของหนังแล้ว ก็ดูเหมือนตัวละคร อากิระ -ที่รับบทโดย เอจิ อากาโสะ แห่งซีรีส์วายยอดฮิต Cherry Magic- จากเวอร์ชันนี้จะ ‘ไปสุด’ พอๆ กัน ทั้งในด้านของความสดใสร่าเริงเกินเบอร์ (ซึ่งเหมาะมากๆ กับเอจิ ที่เคยรับบทตัวละคร อาดาจิ หนุ่มโก๊ะผู้เป็นเจ้าของสารพัดท่าลนลานมาก่อนในซีรีส์วายเรื่องนั้น) และด้านของการสวมบทเป็นตัวละครที่เราไม่อาจเดาทางได้ (ซึ่งสังเกตจากการกระโจนเข้าไปต่อกรกับซอมบี้ด้วยท่วงท่าและรูปแบบต่างๆ จากตัวอย่างหนัง เช่น การใส่ชุดยอดมนุษย์สู้ซอมบี้ในช่วงท้าย)
ขณะเดียวกัน ด้วยเนื้อหาที่ว่าด้วยการวิพากษ์สังคมการทำงานอันดุเดือด และการอุทิศตนให้กับหน้าที่การงานของผู้คนในญี่ปุ่น จนกลืนกินวิถีชีวิตให้คล้ายกับเป็น ‘ซอมบี้’ อีกประเภทหนึ่ง ที่มีมาตั้งแต่เวอร์ชันมังงะและอนิเมะแล้ว ก็น่าจะถูก ‘ขยี้’ ให้ออกมาดูสมจริงมากขึ้น และเสียดเย้ยโลกความจริงได้ชัดขึ้น เพราะแม้ว่าระบบการทำงานดั้งเดิมจะถูกทำลายลงไป แต่ระบบใหม่ๆ ที่แบ่งแยกมนุษย์ผู้รอดชีวิตในโลกซอมบี้ก็น่าจะยังมีอยู่ ตามธรรมเนียมของเรื่องเล่าดิสโทเปียแนวนี้ – ดังที่เราได้เห็นในตัวอย่างหนังไปบ้างแล้ว
เราคงต้องติดตามกันต่อไปว่าระหว่างอนิเมะกับหนังคนแสดง เวอร์ชันไหนที่จะสามารถ ‘ปั่น’ ความรู้สึกของผู้ชมไปได้ไกลกว่ากัน!
รับชม ‘Zom 100 - 100 สิ่งที่อยากทำก่อนจะกลายเป็นซอมบี้’ ทั้งเวอร์ชันอนิเมะ (ออกอากาศถึงตอนที่ 2) และหนังคนแสดง (ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม) ได้ทาง Netflix (อนึ่ง เวอร์ชันอนิเมะยังมีใน Prime Video ด้วยจ้า)
