Humberger Menu

“เดี๋ยวเธอก็ได้เจอคนที่ใช่เร็วๆ นี้แหละ” เมื่อความเห็นใจอาจกลายเป็นการตัดสิน หรือ ‘Single Shaming’ คนโสด

-ก
+
Light
Dark
ฟังบทความ

Everyday Life

Lifestyle

8 พ.ค. 65

creator
กองบรรณาธิการ
BookmarkLineCopy
-ก
+
Light
Dark
ฟังบทความ

...

Summary
  • การถามใครสักคนว่าทำไมถึงยังโสดและให้กำลังใจว่าพวกเขาจะพบกับคนที่ใช่เร็วๆ นี้ อาจกลายเป็นการ Single Shaming’ หรือ การตัดสินในเชิงลบเมื่อคนคนหนึ่งไม่ได้แฟนหรือคู่ครอง และไม่สอดคล้องกับความคาดหวังของสังคมที่มองว่าพวกเขาควรจะต้องแต่งงานในวัยที่เหมาะสม มาตรฐานสังคมที่มีมาช้านานอาจกลายเป็นแรงกดดันและมองข้ามวิถีชีวิตรูปแบบอื่นโดยไม่รู้ตัว

...


ประชากรคนโสดเคยพบเจอหรือไม่ กับคำพูดของคนรอบข้างที่แสดงความ ‘เห็นใจ’ ต่อความโสดของเรา ราวกับว่าความโสดนั้นมันช่างทุกข์ระทม ทั้งๆ ที่เราก็ออกจะโอเคกับชีวิตโสดนี่นา

ถ้าเคยละก็ คุณอาจกำลังประสบกับ ‘Single Shaming’ โดยที่คนพูดอาจไม่รู้ตัว 

บางทีการถามใครสักคนว่าทำไมเขาถึง ‘ยัง’ เป็นโสด และการให้กำลังใจว่าพวกเขาจะพบกับคนที่ใช่ในเร็วๆ นี้แน่นอน ดูเผินๆ อาจจะเหมือนการแสดงความเป็นห่วงและการถามไถ่เพื่อนอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่ในอีกด้าน สิ่งเหล่านี้อาจก่อความรู้สึกทางลบมากกว่า

อลิสัน อบราห์ม นักจิตบำบัดที่ทำงานในนิวยอร์กได้ให้คำนิยามของ ‘Single Shaming’ ไว้ว่า การตัดสินในเชิงลบเมื่อคนคนหนึ่งไม่ได้แฟนหรือคู่ครอง และไม่สอดคล้องกับความคาดหวังของสังคมที่มองว่าเราควรจะต้องแต่งงานในวัยที่เหมาะสม

โดยอคติเชิงลบต่อคนโสดปรากฏตัวอย่างแนบเนียน  -- ด้วยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว บางคนอาจมีความคิดว่าคนโสดจะต้องรู้สึกโดดเดี่ยวที่ไม่มีคู่ครอง หรือพวกเขาอาจกำลังมองหาแฟนอย่างแข็งขันแต่ก็ยังไม่พบคนที่ตรงใจ และบางทีเขาอาจมีบางอย่างผิดปกติ ทำให้เขายังอยู่ตัวคนเดียว ทัศนคติเช่นนี้อาจเกิดจากมาตรฐานสังคมที่มีมาช้านาน อย่างภาพการแต่งงาน การอยู่กันเป็นครอบครัวในบ้านหลังหนึ่ง มีลูกเล็กและสุนัขสักตัว สังคมอาจนำเสนอว่าภาพเหล่านี้คือองค์ประกอบของความสุขหรือหมุดหมายของชีวิตที่ควรเป็น โดยมองข้างความสุขและวิถีชีวิตรูปแบบอื่นไป

ผลสำรวจจากบริการหาคู่ที่ชื่อ Match ในประเทศอังกฤษ พบว่าคนอังกฤษ 52% จากผู้ตอบแบบสำรวจ 1,000 คนนั้นเป็นโสด หลายคนอยู่กับความโสดมาตั้งแต่การระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 และในจำนวนคนโสดทั้งหมด มีคนโสดถึง 59% ที่กล่าวว่าพวกเขารู้สึกพอใจกับสถานะของตัวเอง ทว่าก็ยังคงถูกรบกวนจิตใจจากคำพูดหรือทัศนคติของคนอื่น

เมื่อนักวิจัยถามถึงคำพูดหรือประโยคที่คิดว่าเป็นการ Single Shaming คนโสด 35% กล่าวถึงประโยค "คุณจะได้เจอใครสักคนเร็วๆ นี้แหละ” อีก 29% กล่าวถึงประโยค “คุณต้องเหงามากแน่ๆ ” ในขณะที่คนโสดอีก 38% กล่าวถึงการแสดงความรู้สึกสงสารต่อสถานะความสัมพันธ์ของพวกเขา

ทัศนคติที่ตัดสินคนโสดอาจส่งผลเสียหายได้มากกว่าที่คิด นักจิตบำบัดอบราห์ม กล่าวว่า มันอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของบุคคลนั้นๆ และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต โดยอบราห์ม กล่าวว่า “มีหลายครั้งที่ฉันเห็นว่าทัศนคติด้านลบต่อคนโสดทำให้คนเกิดภาวะซึมเศร้า เพราะการแต่งงานมีครอบครัวกลายเป็นมาตรฐานสำหรับชีวิตที่ประสบความสำเร็จ ทำให้แม้แต่ผู้ที่มีความสุขต่อการเป็นโสดยังต้องทบทวนตัวเอง บางคนถึงกับหาแฟน แม้จะไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆ เพียงเพื่อให้ตัวเองเป็นไปตามาตรฐานสังคม” 

นอกจากนี้อบราห์มยังได้พบผู้เข้ารับการบำบัดที่มีภูมิหลังทางวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับการสร้างครอบครัว เธอยกตัวอย่างผู้เข้ารับการบำบัดที่มาจากประเทศเกาหลี จีน และอินเดีย พวกเขามักประสบความอับอายจากคำพูดของสมาชิกในครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ และเผชิญกับวัฒนธรรมที่มักจะเน้นย้ำบทบาททางเพศตามประเพณีการแต่งงาน เช่น การเป็นภรรยาที่ดี การมีลูก ทำให้การไม่ปฏิบัติตามประเพณีเหล่านี้ดูเป็นการ ‘แหวกแนว’ แหวกขนบอย่างยิ่งยวด

“ฉันเคยได้ยินผู้รับการบำบัดคนหนึ่งพูดกับฉันประมาณว่า ครอบครัวของเขารู้สึกละอายใจที่เขาไม่มีลูกตอนอายุ 30 หรืออายุน้อยกว่านั้น” อบราห์มยกตัวอย่าง

ผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวด้วยว่านอกเหนือจากพ่อแม่และเพื่อนฝูงแล้ว รัฐบาลอาจมีส่วนร่วมทำให้เกิด Single Shaming ด้วยการเสนอผลประโยชน์ต่างๆ ผ่านโยบายที่ชอบด้วยกฎหมายให้กับผู้ที่แต่งงานแล้ว นโยบายเหล่านี้อาจยิ่งส่งผลให้คนเชื่อว่าการแต่งงานมีคู่คือ “แนวทางที่ถูกต้อง” ในการใช้ชีวิต เมื่อนโบายต่างๆ เป็นแรงหนุนเชิงบวกสำหรับคนมีคู่เท่านั้น จึงเป็นการยากที่คนโสดจะไม่รู้สึกว่าพวกเขากำลังทำอะไรผิดอยู่ในฐานะผู้ใหญ่

ยกตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา พนักงานในบริษัทสามารถใส่ชื่อคู่สมรสของตัวเองลงในสิทธิดูแลสุขภาพของตัวเองได้ แต่คนโสดไม่สามารถทำแบบเดียวกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ชื่อของพี่น้องหรือเพื่อนสนิท และบางครั้งคนที่มีครอบครัวก็อาจได้รับสิทธิพิเศษ เช่น ส่วนลดในช่วงวันหยุด หรือเงินช่วยเหลือพิเศษ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ในโลกยุคใหม่นั้นประชากรในหลายประเทศที่เป็นโสดมีจำนวนมากขึ้น คนที่เลือกมีไลฟ์สไตล์หรือเลือกที่จะเป็นโสดโดยยังสนุกและมีความสุขกับชีวิตก็มีให้เห็นมากมาย ตอกย้ำว่าการเป็นโสดไม่ใช่ทางเลือกที่ผิดปกติหรือตกหล่นไปจากความสุขแต่อย่างใด และผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อทัศนคติของผู้คนในสังคม ทำให้ความโสดเป็นเรื่องปกติ และอาจลดการ Single Shaming ในที่สุด


อ้างอิง : BBC, Metro UK



Share article
  • Line
  • link

RELATED

+

รวมเรื่อง ‘รัก’ ที่เราเรียนรู้ผ่านสิ่งรอบตัว

“เพราะคนเรามี ‘ครั้งแรก’ เสมอ” แด่ปี 2024 ที่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับฉันเป็น ‘ครั้งแรก’

ว่าด้วยบุคคลที่ผลักเราลงน้ำและแก้งานยับ เราจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดี กับ ‘เมนเทอร์’ ในชีวิตการทำงานอย่างไร

ด้วยรักและหยิกหลัง สายสัมพันธ์ของ ‘พี่น้อง’ ที่มีทั้งรัก ทั้งชัง และเกลียดกันไม่ (ค่อย) ลง

“รัก” vs. 🤝 มองพลังของการสื่อสารในความสัมพันธ์ทั้งแบบที่เรา ‘พูด’ และ ‘ไม่พูด’ กัน

ไทยรัฐออนไลน์ ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)

ยอมรับ
Thailand Web Stat